หนังสือ เล่ม 1 วิธีใช้งานเทวดา (ภาคผนวก — แก้ไขเพิ่มเติมในฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5)

คำขอขมาโทษต่อบิดามารดา (แบบย่อ)

หากผู้ใดได้เคยทำผิดต่อพ่อแม่หรือผู้มีพระคุณเมื่อผลกรรมนั้นให้ผล ย่อมทำให้เกิดความวิบัติต่างๆนานาประการ ทั้งด้านชีวิต ทรัพย์สินสุขภาพความรัก ธุรกิจ ฯลฯ ขัดโชคขัดลาภ ไม่มีความสุข บางคนประสบโรคภัยไข้เจ็บ บางคนบ้านแตกครอบครัวล่มสลาย บางคนพิการ เป็นบ้า

หากกรรมนั้นมาถึงตัวจนเป็นไปต่างๆนานาแล้วก็ยากที่จะแก้ไข ฉะนั้นหากระลึกได้ว่าเคยทำสิ่งใดไว้กับพ่อแม่เช่น ด่าว่า ทุบตีท่าน.โกหกหลอกลวงท่าน.ลักขโมยสิ่งของเงินทองท่าน.หรือประพฤติตนไม่ดีจนท่านร้องไห้เสียใจ.

จุดสำคัญอยู่ที่ทำให้ท่านกระเทือนใจเพราะกระแสสั่นสะเทือนนั้น จะส่งผลให้วิถีชีวิตของลูกสั่นสะเทือนไปตลอดชีวิตอุปมาเหมือนน้ำทะเลกับเรือถ้าทะเลราบเรียบเรือก็ล่องลอยไปปลอดภัยแต่หากทะเลมีคลื่นลมแรงเรือก็ย่อมโคลงเคลงไปด้วย ถ้าเป็นคลื่นสึนามิเรือก็ย่อมจมอย่างแน่นอนกระแสบาปที่ทำกับพ่อแม่ก็เช่นกันเมื่อส่งผลแล้วย่อมทำให้ขัดโชคขัดลาภทำมาหากินไม่ขึ้น เกิดความวิบัติต่างๆแม้จะบวชกี่วัด ทำสังฆทานกี่ครั้งอุทิศบุญจนเหนื่อย ก็ยากที่จะผ่านพ้นไปได้

ดังนั้น เราจึงควรได้แก้ไขเสียตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม ถ้าทำผิดเล็กน้อยกราบเท้าขอขมาก็ผ่านพ้นไปได้แต่ถ้าได้ทำผิดกับท่านหนักๆก็ควรได้เอาน้ำล้างเท้าของพ่อแม่ไปอาบสักครั้ง ถ้าหนักมากก็อาบ ๗ ครั้งรับรองว่าชะตาชีวิตที่เคยยุ่งเหยิงย่ำแย่จะดีขึ้นอย่างแน่นอน

ส่วนผู้ใดที่พ่อแม่เสียชีวิตไปแล้วก็ให้ไปขอขมาต่อหน้าพระภิกษุที่ตนเคารพนับถือที่มีศีลาจารวัตรดีงามให้ท่านเป็นพยานรับรู้ต่อการขอขมานั้นจึงจะพ้นโทษได้…

สิ่งที่ต้องเตรียมในการขอขมาพ่อแม่

๑.กระทงแบบวันลอยกระทง๑ ใบ ใส่ธูป ๓ ดอก เทียน ๒ เล่ม ข้าวตอก ดอกไม้พอประมาณ

๒.น้ำขมิ้น,ส้มป่อย ๑ ถังน้ำ + ขันน้ำ ๑ ใบ

๓.กะละมังขอบเตี้ยใบพอประมาณ ๑ ใบ (พอวางเท้า ๒ คน) ผ้าขนหนูเพื่อเช็ดเท้า ๑ ผืน

๔. เงินตามฐานะเช่น ๑๐๐ ,๒๐๐ ,๕๐๐

อุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมแล้ววางด้านขวามือเรา

๑.กราบหลังเท้าพ่อ ๑ ครั้ง แม่ ๑ ครั้ง (แบมือ หน้าผากจรดหลังเท้า)

๒.ถือกระทง ตั้งนะโม ๓ จบ คำกล่าวขอขมาว่า

“กายกรรมวจีกรรมมโนกรรม กรรมชั่วอันใดที่ ลูกได้ทำผิดต่อพ่อแม่ ด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งเจตนาและไม่ได้เจตนา ทั้งต่อหน้าและลับหลังทั้งจำได้และจำไม่ได้ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาตินี้ โดย เฉพาะเรื่องเงินทอง สิ่งของการพูดจาว่าร้าย และความประพฤติที่ทำให้พ่อแม่เสียใจกระเทือนใจ ขอพ่อแม่จงได้โปรดเมตตายกโทษอโหสิกรรมแก่ลูกด้วยเถิดเพื่อลูกจะได้สำรวม ระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไป”

๓.เสร็จแล้วเอากระทงให้พ่อ กราบหลังเท้าพ่อแม่หนึ่งครั้ง แล้วนำกะละมังเข้ามาล้างเท้าท่านช้าๆพร้อมกับพูดขอโทษที่เคยทำผิด ทั้งชาตินี้และชาติก่อนให้พูดออกมาดังๆและให้ถอนคำพูดเหล่านี้ด้วย

“ลูกขอถอนคำว่า เบื่อเหลือเกินบ้านหลังนี้ไม่อยู่ก็ได้ ไม่มาเหยียบก็ได้บ้านหลังนี้ ที่ลูกได้เคยพูดทั้งในชาตินี้และในอดีตชาติที่ผ่านมา และลูกขอกลับเข้ามาอยู่ภายใต้ร่มโพธิ์ ร่มไทรของพ่อแม่ตลอดไป ขอพ่อแม่จงได้เมตตารับลูก กลับเข้าสู่ร่มเงา ใบบุญของพ่อแม่ด้วยเถิด”

๔.ล้างเท้าเสร็จแล้วประนมมือก้มหัวลงไปหาท่าน ให้พ่อแม่ท่านยกโทษให้โดยพ่อแม่ลูบผมลูกลง พร้อมพูดว่า (เขียนให้พ่อแม่)

“สิ่งใดที่ลูกเคยทำผิดต่อพ่อแม่ ด้วยกาย วาจา ใจ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติใด มาวันนี้เวลานี้ พ่อแม่ขอยกโทษ อโหสิกรรมให้กับลูกทั้งหมดทั้งสิ้นไม่ให้เป็นบาปแก่กันอีกต่อไป บุญกุศล คุณงามความดีทั้งหลาย จงปกปักษ์รักษาลูกให้มีแต่ความสุขความเจริญปราศจากอันตรายและโรคภัยไข้เจ็บ ให้มีอายุมั่นขวัญยืนครอบครัวเป็นสุขธุรกิจการงานเจริญรุ่งเรือง พ่อแม่ได้พึ่งพาอาศัยต่อไป”

๕.พ่อแม่คืนกระทงให้ลูก รับกระทงมาวางด้านซ้ายมือ ลูกหยิบเงินที่เตรียมไว้ขึ้นมา พูดว่า

“เงินนี้ ลูกขอใช้หนี้เก่าคืน ต่อไปนี้ไม่ว่าสิ่งใดที่ลูกปฏิบัติต่อพ่อแม่ให้ถือว่าเป็นการใช้หนี้เก่าทั้งสิ้น” ให้เอาเงินใส่มือให้ท่าน

๖.เลื่อนกะละมังออกเช็ดเท้าท่านให้แห้ง กราบหลังเท้าอีก ๑ ครั้ง

๗.นำกระทงไปลอย จุดธูปเทียน แล้วพูดว่า

“มีเคราะห์เข็ญเวรภัยใดๆ ก็จงไปกับกระทงนี้เถิด”

๘.นำน้ำล้างเท้าไปอาบ โดยเปิดน้ำผสมในถัง ๓ขันแรกราดศีรษะ แล้วอาบตามปกติจนหมด

๙.ให้ทำติดต่อกันอย่างน้อย๕ ครั้ง ผิดอย่างหนัก ๗ ครั้ง แล้วเคราะห์ร้ายที่คุณประสบอยู่ก็จะผ่านพ้น ไป

พิธีเชื่อมสัญญาณบุญกับพ่อแม่

ผู้ใดที่เคยพูดด่าใส่หน้าพ่อแม่ ด้วยคำเหล่านี้คือ เบื่อบ้านหลังนี้, เบื่อคนบ้านนี้, ไม่อยู่ก็ได้บ้านหลังนี้เป็นต้นขอให้ถอนคำพูดนั้นออกเสียด้วย มิฉะนั้นแล้วชะตาชีวิตจะต้องระเหเร่ร่อนอยู่ที่ไหนก็ไร้ความสุข เปิดค้าขายอะไรก็เจ๊ง ไร้ที่อยู่อาศัย ไม่มีคนอุปถัมภ์ค้ำชูโดยให้ทำพิธีแก้ไข ดังนี้

ให้เย็บกระทงใบกล้วย๔ มุม ใส่เทียนขาว ๕ คู่ ดอกไม้ขาว ๕ คู่ เงิน ๙ บาท ฝ้ายสำหรับผูกแขน (สายสิญจน์) ๒ เส้นทุกอย่างพร้อมแล้วให้ปฏิบัติดังนี้ กราบเท้าพ่อแม่ ถือกระทงยกขึ้น ตั้งนะโม ๓ จบ กล่าวคำถอนว่า…

“ลูกขอถอนคำว่า เบื่อเหลือเกินบ้านหลังนี้ ไม่อยู่ก็ได้ไม่มาเหยียบอีกก็ได้บ้านหลังนี้ที่ลูกได้เคยพูดทั้งในชาตินี้ และในอดีตชาติที่ผ่านมา และลูกขอกลับเข้ามาอยู่ภายใต้ร่มโพธิ์ร่มไทรของพ่อแม่ตลอดไป ขอพ่อแม่จงได้เมตตารับลูกกลับเข้าสู่ร่มเงา ใบบุญของพ่อแม่ด้วยเถิด..” ว่า ๓ จบ

มอบกระทงให้พ่อแม่พ่อแม่กล่าวรับขวัญ เอาด้ายผูกข้อมือลูกอวยชัยให้พรให้ลูกอยู่เย็นเป็นสุข ไปที่ไหนก็ให้มีความสุข ความเจริญ มียศมีเกียรติคุณดีงามในที่นั้นๆ ลูกกราบเท้าพ่อแม่ ๑ ครั้ง เสร็จพิธี

ให้ทำติดต่อกัน๓ วัน (ฝ้ายผูกแขนให้ลูก – เงินพ่อแม่เก็บไว้ทำบุญ- กระทงพ่อแม่นำขึ้นบูชาพระ)

วิธีใช้บุญเพื่อบันดาลผลสำเร็จในชีวิตปัจจุบัน

ขั้นตอนแรกให้ทำการขอขมาต่อเจ้ากรรมนายเวรที่เราเคยทำผิดต่อเขา ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทั้งจำได้และจำไม่ได้ โดยการอาศัยอานุภาพของพระรัตนตรัยเข้าช่วย ดังนี้

“ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลกระแสขอขมาของข้าพเจ้า ให้ไปถึงนายเวรที่เข้ามาเบียดเบียนข้าขอท่านเหล่านั้นจงรับทราบและยกโทษอโหสิกรรมแก่ข้าด้วยเถิด ข้าจะทำบุญไปให้ และขอท่านจงมีส่วนแห่งบุญที่ข้าทำทุกๆ ครั้งด้วยเทอญ..” (ว่าห้าครั้ง)

ขั้นตอนที่สอง ให้เบิกบุญเก่าที่เคยสั่งสมมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ขอให้มาปิดกั้นบาปเคราะห์เอาไว้ เพื่อบรรเทาผลร้ายให้เบาบาง เพื่อเปิดช่องให้อำนาจบุญบันดาลผลดีแก่เราได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ..แต่ต้องเข้าใจให้ถูกนะว่าเป็นเพียงการปิดบาป(ปัดเคราะห์).ชั่วคราวเท่านั้น แต่ผลกรรมที่จะได้รับนั้นก็ยังรอโอกาสที่จะตอบสนองเราอยู่เช่นเดิม…

“ขออำนาจพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ จงบันดาลบุญข้าให้มาปิดบาปกรรมของข้าด้วยเถิด” (ว่าสิบครั้ง)

ขั้นตอนที่สามให้เบิกบุญเก่าที่เคยสั่งสมมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ขอให้มาบันดาลผลสำเร็จในปัจจุบัน เราต้องการผลสำเร็จในด้านใดก็ตั้งจิตให้อำนาจบุญบันดาลผลสำเร็จในสิ่งนั้น เช่นการค้าขาย การสอบ การสมัครงาน ความรัก เงินเดือนโบนัส สุขภาพหรือทรัพย์ที่หายไปเป็นต้น โดยการระบุสิ่งนั้นสั้นๆตรงๆด้วยจิตที่มั่นคงเป็นกลางสบายๆ อย่าให้ความโลภเข้าครอบงำเพราะจะทำให้ผลสำเร็จถูกตัดรอนลง แต่ไม่ควรว่าเกินวันละ๓ เรื่อง ในสามเวลา เช้ากลางวัน เย็นและอย่าใช้ในทางผิดเพราะจะเกิดวิบัติแก่ตัว ขอยกตัวอย่างผู้เจ็บป่วยให้ว่าดังนี้

“ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญข้าให้มาปรากฏผล(ในปัจจุบัน)เป็นหมอดียาดีรักษาตัวข้าให้หายป่วยด้วยเถิด” (เฉพาะขั้นตอนที่สามนี้ว่าได้หลายๆครั้งจนกว่าจะสำเร็จผล)

ทุกครั้งที่จะอธิษฐานในเรื่องใดๆ ต้องขึ้นต้นด้วยคำนี้เสมอว่า

“ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญข้าให้มาปรากฏผลในปัจจุบันเป็น..(ระบุเรื่องที่ต้องการ**)…”

** เรื่องที่ต้องการอธิษฐาน เช่น

เพื่อความเจริญในหน้าที่การงานให้ใช้ว่า…เป็นงานดีเงินดีแก่ข้าด้วยเถิด.

เพื่อการเดินทางให้ใช้ว่า…เป็นความสะดวกปลอดภัยแก่ข้าด้วยเถิด.

เพื่อการทำงานให้ใช้ว่า…เป็นความสำเร็จในสิ่งที่ทำด้วยเถิด.

เพื่อรักษาโรคให้ใช้ว่า…เป็นยารักษาโรคให้หายด้วยเถิด.

เพื่อลูกให้ใช้ว่า …ให้ลูกดีดั่งใจด้วยเถิด.

เพื่อแฟนให้ใช้ว่า…ให้แฟนดีดั่งใจด้วยเถิด.

ถ้าสิ่งของหายให้ใช้ว่า …จงเป็นสิ่งของคืนมาด้วยเถิด

เพื่อการค้าขายให้ใช้ว่า..เป็นความรุ่งเรืองในการค้าด้วยเถิด

(หรือในเรื่องอื่นๆท่านก็สามารถคิดคำสั้นๆขึ้นมาใช้เองก็ได้ตามสบาย แต่ควรว่าให้ปรากฏผลดีก่อนค่อยเปลี่ยนเรื่องใหม่)

(ขั้นตอนที่หนึ่งและสอง ว่าเฉพาะตอนเช้าก็พอ เฉพาะขั้นตอนที่สามนั้น สามารถว่าสับเปลี่ยนกันได้ตลอดทั้งวัน)

(หากท่านขยันทำแล้วไซร้ จะปรากฏผลสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะมีผู้ใช้ได้ผลมาแล้วมากมาย)

วิธีทำบุญให้ผู้ที่เคยช่วยชีวิตในคราวคับขัน

ผู้ที่เคยผ่านเป็นผ่านตายมาในชีวิตไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็ตามจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัดใหญ่ การเจ็บไข้ได้ป่วยเฉียดตายก็ตามในเหตุการณ์นั้นๆ คุณรู้หรือไม่ว่ามีผู้เข้าช่วยชีวิตท่านให้รอดตายมาได้ และท่านเหล่านั้นต้องสูญเสียพลังบุญเรี่ยวแรงไปมหาศาลบางกลุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องใช้พลังบุญเยียวยาตัวเองอีกนาน ทำให้การประสบเคราะห์ภัยของท่านในครั้งต่อไปพวกท่านเหล่านั้นจึงไม่สามารถมาช่วยคุ้มครอง ปกปักรักษาท่านได้ ทำให้คุณประสบเคราะห์กรรมอันน่ากลัวแต่เพียงลำพัง ดังนั้นควรแก้ไข ดังนี้

ให้จุดธูป๓ ดอก ต่อหน้าพระพุทธรูปกล่าวขอบคุณต่อผู้ที่เคยช่วยเหลือชีวิตเราไว้ ดังนี้

“ข้าพเจ้า ..(บอกชื่อ – นามสกุล) ขอขอบคุณผู้ที่ได้เคยช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้ในคราวคับขัน อันตรายและขอโทษที่หลงลืมไป ไม่ได้ทำบุญกุศลตอบแทน ขอท่านทั้งหลายจงได้เมตตาให้อภัยแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิดต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะทำบุญอุทิศให้แก่ท่านทั้งหลายเป็นประจำขอจงได้อนุโมทนาสาธุรับเอาบุญจากข้าพเจ้าด้วยเถิด” จากนั้นให้ไปทำบุญใส่บาตรอุทิศตามที่ได้พูดไว้ โดยให้อุทิศบุญด้วยคำว่า “.. บุญนี้อุทิศให้กับผู้ที่ได้เคยช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้..” ให้จุดธูปติดต่อกัน ๓ วันและให้ทำบุญอุทิศเช่นนี้เป็นประจำแล้วท่านจะแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง

วิธีจุดธูป ๓ ขอ เพื่อแก้ไขเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน

ให้จุดธูป๕ ดอก กลางแจ้ง เวลาช่วงเช้าหรือเย็นตามสะดวกกล่าวว่า……..

“ลูกหลานขอโทษที่ได้ล่วงเกินปรับไถถมที่ ก่อสร้าง ต่อเติมโดยไม่ได้บอกกล่าวซื้อขายที่ดินผืนนี้ โดยไม่ได้บอกกล่าวนำที่ดินไปจำนองโดยไม่ได้บอกกล่าวทำให้ท่านทั้งหลายขัดเคือง เดือดร้อน บัดนี้ลูกหลานขอโทษ ขอพ่อแม่ทั้งหลาย จงยกโทษอโหสิกรรมแก่ลูกหลานด้วยเถิด ¯พร้อมกันนี้ลูกหลานขออนุญาตที่จะอยู่อาศัยทำมาหากินในสถานที่นี้ขอพ่อแม่ทั้งหลายจงได้อนุญาตด้วยเถิด และขออนุญาตใช้เงินที่ได้จากการจำนอง(ขาย) ที่ดินผืนนี้ด้วยขอพ่อแม่ทั้งหลายจงได้อนุญาตปลงปันแก่ลูกหลานด้วยเถิด ส่วนเส้นทางที่ถูกปิดกั้น ใช้ไม่สะดวกนั้น ขอให้พ่อแม่เปลี่ยนไปใช้เส้นทางใหม่ที่จัดไว้ให้เถิด (บอกถนนในปัจจุบันให้เขาทราบ) ¯และเมื่อลูกหลานได้อยู่อาศัย ทำมาหากินในสถานที่นี้แล้ว ลูกหลานขอพรให้พ่อแม่จงได้ปกปักรักษาให้อยู่เย็นเป็นสุขครอบครัวอบอุ่น ทำมาหากินเจริญรุ่งเรืองได้กิน ได้ทาน ได้ทำบุญกุศลต่อไปเถิด” จากนั้นปักธูปลงดิน

จากนั้นให้ขุดดิน ๔ มุมของที่ดินผืนนั้น นำไปทำบุญแก้ไข อุทิศให้เจ้าที่ในที่ดินผืนนั้น ตามขั้นตอนต่อไป

วิธีเอาดินมาทำบุญแก้อาถรรพ์และความขัดข้อง

ขุดดิน๔มุมของพื้นที่ ถ้าตรงกลางขุดได้ก็นำมาด้วย รวมกันให้ได้๑ ถัง (ถังความจุ๑๐ ลิตร) เสร็จแล้ว นั่งลงตรงจุดที่ ๔ โรยข้าวตอก ดอกไม้ลงหน้าดินในถังจับขอบปากถัง ตั้งใจกล่าวว่า

“ขอเชิญผู้สถิต เกี่ยวข้อง ผูกพันกับที่ดินผืนนี้ ไปทำบุญร่วมกับลูกหลานด้วยเถิด”

จากนั้นนำดินไปทำบุญวัดเมื่อไปถึงวางไว้นอกชายคาศาลาวัด (ห้ามเอาเข้าไปในศาลา)แล้วถามพระว่า

“โยมเอาดินมาทำบุญจะให้เทที่ไหน ช่วยชี้บอกที่เทให้ด้วย ครับ/ค่ะ” แล้วเอาดินไปเทตรงที่พระท่านบอกเกลี่ยดินให้เรียบร้อย

แล้วเทน้ำลงไปบนดินที่เกลี่ยกล่าวคำอุทิศบุญว่า….

“บุญนี้ให้ผู้ที่ติดตามดินนี้มา และเป็นการใช้หนี้ที่ดินของข้าพเจ้าพร้อมทั้งบรรพบุรุษ ขอท่านจงสาธุ รับเอาบุญนี้แล้วจงเป็นเสื้อผ้า อาหาร ปราสาทวิมานยานพาหนะ ยศทิพย์ อำนาจทิพย์ สมบัติทิพย์ บริวาร และปัญญา แก่ท่านทั้งหลาย เทอญ.”

จุดธูปบอกเจ้าที่และนำดินไปทำบุญอาทิตย์ละ๑ ครั้ง ๓ อาทิตย์ติดต่อกัน ถ้ามีหลายแปลงให้ขุดมาแปลงละถังอย่าเอารวมกันวิธีเอาดินก็ทำเช่นเดียวกันทั้งหมด ใช้แก้ไขในกรณีที่ดินมีปัญหาทับซ้อนแบ่งมรดกไม่ลงตัว ที่ดินขายไม่ออก ที่ดินติดจำนองธนาคาร ปลูกบ้านอยู่แล้วเดือดร้อน นำที่ดินเข้าธนาคารโดยไม่บอกเจ้าที่ เป็นต้น

Book1-4ดินที่เอามาทำบุญแก้อาถรรพ์ และความขัดข้อง

วิธีขอขมาต่อเจ้ากรรมนายเวร

จุดธูป ๗  ดอกกลางแจ้ง  (๗วัน)   กล่าวคำขอโทษต่อเจ้ากรรมนายเวรทั้งคนและสัตว์ ว่า…………

  “ ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม  พระสงฆ์ จงดลบันดาลคำขอโทษของข้าพเจ้าให้ไปถึงเจ้ากรรมนายเวรทั้งคนและสัตว์ที่ได้เคยเบียดเบียนมาขอท่านทั้งหลายจงได้รับทราบ  และยกโทษอโหสิกรรม เลิกจองเวรแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด จะทำบุญอุทิศไปให้ และขอให้มีส่วนแห่งบุญที่ข้าพเจ้าทำทุกๆครั้งด้วยเถิด”

สำหรับสัตว์ : เวลาไปทำบุญใส่บาตรหรือถวายของพระให้อุทิศบุญว่า………

บุญนี้อุทิศให้กับสัตว์ที่เคยเลี้ยง”     

                    “บุญนี้อุทิศให้กับสัตว์ที่เคยฆ่า

                    “บุญนี้อุทิศให้กับสัตว์ที่เคยขาย                     

                    “บุญนี้อุทิศให้กับสัตว์ที่เคยกิน

                    “บุญนี้อุทิศให้กับสัตว์ที่เคยใช้งาน”            

                    “บุญนี้อุทิศให้กับสัตว์ที่เคยทรมาน”            

                    “บุญนี้อุทิศให้กับสัตว์ที่เคยทำร้าย

ถ้าอุทิศอย่างย่อให้ว่าเฉพาะที่ขีดเส้นใต้เท่านั้น

คำกรวดน้ำในเวลาปล่อยสัตว์

ในกรณีที่มีการปล่อยสัตว์เพื่อสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาทำบุญต่ออายุ หรือแก้บนก็ตาม  ควรได้ทำให้ถูกต้อง การปล่อยสัตว์จึงจะมีผลดีตามปรารถนาได้ไม่ควรทำสักแต่ว่าปล่อยๆโดยขาดเจตนาที่เป็นกุศล ด้วยการปฏิบัติ ดังนี้

จะเป็นสัตว์น้ำชนิดใดก็ตาม เวลาปล่อยลงน้ำให้พูดว่า

 “มีเคราะห์เข็ญเวรภัยใดๆ ก็จงไปกับเรือกับแพนี้เถิด”  ให้พูดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะปล่อยเสร็จ

และเมื่อปล่อยเสร็จแต่ละชนิดให้กรวดน้ำลงดินพูดว่า

 “บุญที่ปล่อยสัตว์นี้ ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่เบียดเบียนตัวข้าพเจ้าและผู้ที่ติดตามมา ขอจงสาธุรับเอาบุญนี้เถิด”

ปล่อยสัตว์กี่อย่างก็ต้องกรวดน้ำตามจำนวนนั้น จึงจะได้ผลดีตามที่คาดหวัง

โพสท์ใน หนังสือธรรมะ | ใส่ความเห็น

หนังสือ เล่ม 1 วิธีใช้งานเทวดา (ภาคผนวก — เพิ่มเติมในฉบับพิมพ์ครั้งที่ 4)

คำขอขมาโทษต่อบิดามารดา (แบบย่อ)

หากผู้ใดได้เคยทำผิดต่อพ่อแม่หรือผู้มีพระคุณ เมื่อผลกรรมนั้นให้ผล  ย่อมทำให้เกิดความวิบัติต่างๆนานาประการ ทั้งด้านชีวิต ทรัพย์สิน สุขภาพ ความรัก ธุรกิจ ฯลฯ ขัดโชคขัดลาภ ไม่มีความสุข บางคนประสบโรคภัยไข้เจ็บ  บางคนบ้านแตกครอบครัวล่มสลาย  บางคนพิการ  เป็นบ้า

หากกรรมนั้นมาถึงตัวจนเป็นไปต่างๆ นานาแล้ว ก็ยากที่จะแก้ไข  ฉะนั้นหากระลึกได้ว่าเคยทำสิ่งใดไว้กับพ่อแม่ เช่น ด่าว่า ทุบตีท่าน. โกหกหลอกลวงท่าน. ลักขโมยสิ่งของเงินทองท่าน. หรือประพฤติตนไม่ดีจนท่านร้องไห้เสียใจ.

จุดสำคัญอยู่ที่ทำให้ท่านกระเทือนใจ เพราะกระแสสั่นสะเทือนนั้น  จะส่งผลให้วิถีชีวิตของลูกสั่นสะเทือนไปตลอดชีวิต อุปมาเหมือนน้ำทะเลกับเรือ ถ้าทะเลราบเรียบ เรือก็ล่องลอยไปปลอดภัย แต่หากทะเลมีคลื่นลมแรงเรือก็ย่อมโคลงเคลงไปด้วย  ถ้าเป็นคลื่นสึนามิเรือก็ย่อมจมอย่างแน่นอน กระแสบาปที่ทำกับพ่อแม่ก็เช่นกัน เมื่อส่งผลแล้วย่อมทำให้ขัดโชคขัดลาภ ทำมาหากินไม่ขึ้น เกิดความวิบัติต่างๆ แม้จะบวชกี่วัด ทำสังฆทานกี่ครั้ง อุทิศบุญจนเหนื่อย ก็ยากที่จะผ่านพ้นไปได้

ดังนั้น  เราจึงควรได้แก้ไขเสียตั้งแต่เนิ่นๆ   เป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม    ถ้าทำผิดเล็กน้อยกราบเท้าขอขมาก็ผ่านพ้นไปได้   แต่ถ้าได้ทำผิดกับท่านหนักๆ ก็ควรได้เอาน้ำล้างเท้าของพ่อแม่ไปอาบสักครั้ง  ถ้าหนักมากก็อาบ ๗ ครั้ง รับรองว่าชะตาชีวิตที่เคยยุ่งเหยิงย่ำแย่ จะดีขึ้นอย่างแน่นอน

ส่วนผู้ใดที่พ่อแม่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ให้ไปขอขมาต่อหน้าพระภิกษุที่ตนเคารพนับถือที่มีศีลาจารวัตรดีงาม ให้ท่านเป็นพยานรับรู้ต่อการขอขมานั้น จึงจะพ้นโทษได้…

ขั้นตอนพิธี เตรียมกระทงดอกไม้เหมือนที่ใช้ลอยกระทง (ถ้าจะล้างเท้าด้วย    ก็เพิ่มถังน้ำและกะละมังพร้อมเก้าอี้)   กราบเท้ากล่าวคำขอขมา ว่า  ..กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม  กรรมชั่วอันใดที่ลูกได้ทำผิดต่อพ่อแม่  ด้วยกาย วาจา ใจ  ทั้งเจตนาและไม่ได้เจตนา ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งจำได้และจำไม่ได้  ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันชาตินี้…. (*)  ขอพ่อแม่จงได้โปรดเมตตา   ยกโทษอโหสิกรรมให้แก่ลูกด้วยเถิด (**)  เพื่อลูกจะได้สำรวมระวังต่อไป.   แล้วมอบกระทงดอกไม้ให้ท่าน กราบเท้าหนึ่งครั้ง (ถ้าจะล้างเท้าก็ทำต่อไปได้เลย  จากนั้นให้นำน้ำนั้นไปผสมอาบ  ถ้าอาบเจ็ดวันก็ต้องขอขมาเจ็ดครั้ง  จะมีโชควาสนาแล)

..(*) ให้ระบุเรื่องที่ขอขมา  เช่น  ถ้าลักเงินก็ใช้ว่า โดยเฉพาะเรื่องเงินทอง , ถ้าด่าว่าทำร้ายก็ใช้ว่า โดยเฉพาะเรื่องการพูดจา , หรือเรื่องใดๆ ก็ระบุตามเรื่องนั้นๆ อย่าปิดบังหรือสักแต่ว่าทำเป็นอันขาด แม้ว่าเรื่องนั้นจะทำลับหลัง ที่เมื่อท่านรู้เข้าท่านจะเสียใจกระเทือนใจ  ก็ไม่ควรปกปิดไว้อีกต่อไป

..(**) หากให้พระสงฆ์เป็นพยาน  พึงเติมคำว่า   ขอท่านอาจารย์จงเป็นพยานในการขอขมาครั้งนี้ด้วยเทอญ   เพื่อข้าพเจ้าจะได้สำรวมระวังต่อไป. 

..เสร็จพิธีแล้วให้ลูกนำกระทงขมานั้นไปลอยน้ำ  เหมือนกับลอยกระทงทั่วไป..

สำหรับผู้ที่พ่อแม่เสียชีวิตไปแล้ว ก่อนกล่าวคำขอขมาต่อหน้าพระสงฆ์ พึงอธิษฐานจิตบอกให้พ่อแม่ได้มารับรู้ถึงพิธีขอขมาในครั้งนี้ด้วย โดยประณมมือแล้วอธิษฐานว่า

“ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลให้พ่อแม่…(*) ของข้าพเจ้า  ได้มารับรู้ต่อการขอขมาของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด”   (ว่าสามครั้ง)

..(*) ถ้าขอขมาต่อผู้อื่นที่เสียชีวิตไปแล้ว  พึงเปลี่ยนไปตามชื่อผู้นั้น

วิธีใช้บุญเพื่อบันดาลผลสำเร็จในชีวิตปัจจุบัน

ขั้นตอนแรก  ให้ทำการขอขมาต่อเจ้ากรรมนายเวร ที่เราเคยทำผิดต่อเขา  ทั้งในอดีตและปัจจุบัน  ทั้งจำได้และจำไม่ได้  โดยการอาศัยอานุภาพของพระรัตนตรัยเข้าช่วย  ดังนี้

“ขออำนาจพระพุทธ   พระธรรม  พระสงฆ์  จงบันดาลกระแสขอขมาของข้าพเจ้า ให้ไปถึงนายเวรที่เข้ามาเบียดเบียนข้า ขอท่านเหล่านั้นจงรับทราบ และยกโทษอโหสิกรรมแก่ข้าด้วยเถิด ข้าสำนึกในความผิดทั้งหลายที่ได้ทำไปแล้ว    บัดนี้ข้าขอขมา    ขอหมู่ท่านจงยกโทษอโหสิกรรมแก่ข้าด้วยเถิด   ข้าจะทำบุญไปให้   และขอท่านจงมีส่วนแห่งบุญที่ข้าทำทุกๆ ครั้งด้วยเทอญ ..”   (ว่าห้าครั้ง)

ขั้นตอนที่สอง   ให้เบิกบุญเก่าที่เคยสั่งสมมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน   ขอ ให้มาปิดกั้นบาปเคราะห์เอาไว้  เพื่อบรรเทาผลร้ายให้เบาบาง  เพื่อเปิดช่องให้อำนาจบุญบันดาลผลดีแก่เราได้สะดวก รวดเร็วขึ้น  ..แต่ต้องเข้าใจให้ถูกนะว่า เป็นเพียงการปิดบาป (ปัดเคราะห์). ชั่วคราวเท่านั้น  แต่ผลกรรมที่จะได้รับนั้นก็ยังรอโอกาสที่จะตอบสนองเราอยู่เช่นเดิม…

“ขออำนาจพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์   จงบันดาลบุญข้า  ให้มาปิดบาปกรรมของข้าด้วยเทอญ”   (ว่าสิบครั้ง)

ขั้นตอนที่สาม  ให้เบิกบุญเก่าที่เคยสั่งสมมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน  ขอให้มาบันดาลผลสำเร็จในปัจจุบัน  เราต้องการผลสำเร็จในด้านใดก็ตั้งจิตให้อำนาจบุญ บันดาลผลสำเร็จในสิ่งนั้น เช่น การค้าขาย การสอบ การสมัครงาน ความรัก เงินเดือนโบนัส สุขภาพ หรือทรัพย์ที่หายไป เป็นต้น    โดยการระบุสิ่งนั้นสั้นๆ ตรงๆ ด้วยจิตที่มั่นคงเป็นกลางสบายๆ อย่าให้ความโลภเข้าครอบงำเพราะจะทำให้ผลสำเร็จถูกตัดรอน ลง  และอย่าใช้ในทางผิดเพราะจะเกิดวิบัติแก่ตัว  ขอยกตัวอย่างผู้เจ็บป่วยให้ว่าดังนี้

“ขออำนาจพระพุทธ   พระธรรม   พระสงฆ์     จงบันดาลบุญข้า     ให้มาปรากฏผล (ในปัจจุบัน) เป็นหมอดียาดีรักษาตัวข้าให้หายป่วยด้วยเถิด”  (เฉพาะขั้นนี้ว่าได้หลายๆ ครั้ง จนกว่าจะสำเร็จผล)

ถ้าของหายใช้ว่า  “ขออำนาจพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  จงบันดาลบุญข้าให้มาปรากฏผล (ในปัจจุบัน)  เป็น…(ระบุ)…แก่ข้าภายในสามวันเถิด” หรือจะว่าภายในวันนี้เถิดก็ได้

เพื่อความเจริญในหน้าที่การงานให้ใช้ว่า…เป็นงานดีเงินดีแก่ข้าด้วยเถิด.

เพื่อการเดินทางให้ใช้ว่า…เป็นความสะดวกปลอดภัยแก่ข้าด้วยเถิด.

เพื่อการทำงานให้ใช้ว่า…เป็นความสำเร็จในสิ่งที่ทำด้วยเถิด.

เพื่อรักษาโรคให้ใช้ว่า…เป็นยารักษาโรคให้หายด้วยเถิด.

 (ขั้นตอนที่หนึ่งและสอง  ว่าเฉพาะตอนเช้าก็พอ  เฉพาะขั้นตอนที่สามนั้น  สามารถว่าสับเปลี่ยนกันได้ตลอดทั้งวัน)

(หากท่านขยันทำแล้วไซร้  จะปรากฏผลสำเร็จอย่างแน่นอน   เพราะมีผู้ใช้ได้ผลมาแล้วมากมาย)

โพสท์ใน หนังสือธรรมะ | ปิดความเห็น บน หนังสือ เล่ม 1 วิธีใช้งานเทวดา (ภาคผนวก — เพิ่มเติมในฉบับพิมพ์ครั้งที่ 4)

หนังสือ เล่ม 3 คำสารภาพ (ตอนที่ 5 จบ)

๒๒. พิธี ๓ ขอ

มีหลายคนที่มาปรึกษาปัญหาชีวิต  แล้วพบว่าได้ปิดบ่อน้ำบ้าง  ถมสระเก่า  ถมคลองน้ำ  ลำห้วยบ้าง  ปิดกั้นทางน้ำและถนนทางเดินโบราณบ้าง  จึงทำให้เกิดเหตุไม่ดีในครอบครัว  จึงได้แนะนำวิธีแก้ไขให้  ซึ่งเมื่อได้ทำการแก้ไขแล้ว  ก็ได้รับผลดีตามต้องการ  จึงเรียบเรียงไว้เป็นวิทยาทานแก่คุณผู้อ่าน  เพื่อจะได้นำไปใช้ประโยชน์แก้ไขปัญหาของตนเองหรือคนรู้จัก

ให้จัดกระทงใบตอง เย็บสี่มุม ใส่เทียนขาว ๕ คู่ ดอกไม้ขาว ๕ คู่  นำไปวางที่ข้างบ่อ  ช่วงบ่ายๆ  เพื่อทำพิธี  ๓  ขอ  คือ  ๑. ขอโทษ  ๒. ขออนุญาต  ๓. ขอพร

๑. ขอโทษ  คือ  กล่าวคำขอโทษที่ได้ปิดบ่อน้ำ  อันเป็นที่อยู่อาศัย  เข้าออกของหมู่นาคว่า

“ผู้ที่สิงสถิตอยู่ในบ่อน้ำแห่งนี้  วันนี้ลูกหลานได้นำมาซึ่งขัน ๕ เพื่อขอขมาลาโทษกับพ่อแม่ที่ได้ล่วงเกิน  เบียดเบียนในบ่อน้ำนี้  ทำให้โกรธเคือง  เดือดร้อน  บัดนี้ลูกหลานสำนึกในความผิดที่ได้กระทำแล้ว  จึงขอขมาลาโทษ ขอพ่อแม่จงยกโทษ อโหสิกรรม ให้แก่ลูกหลานด้วยเถิด” 

๒. ขออนุญาต  คือกล่าวคำขออนุญาตปิดปากบ่อ  หรือเชิญออกจากบ่อน้ำ

ในกรณีที่ปิดปากบ่อแต่ยังใช้ประโยชน์อยู่ให้ขอว่า  “พร้อมกันนี้ลูกหลาน  ขออนุญาตปิดปากบ่อน้ำเพื่อความปลอดภัย  ดังนั้นจึงขอเชิญท่านทั้งหลายได้ใช้เส้นทางที่เปิดช่องไว้นี้เถิด..    (ต้องเปิดช่องระบายอากาศบ่อน้ำไว้ด้วย)

๓. จากนั้นขอพรเพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขว่า

..พร้อมกันนี้  ขอให้ท่านทั้งหลายจงปกปักรักษา ลูกหลาน ให้อยู่เย็นเป็นสุข  มีโชคมีลาภ  ทำมาหากินเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป  ได้กินได้ทาน  ได้สร้างบุญกุศลต่อไปด้วยเถิด” 

กรณีถมหรือปิดบ่อ  สระ คูคลอง ถาวร ให้ขออนุญาตว่า      

“..พร้อมกันนี้  ลูกหลานขอเชิญท่านทั้งหลายได้ขึ้นจากบ่อน้ำแห่งนี้  เพื่อลูกหลานจะได้ปิดและถมเพื่อประโยชน์…(บอกด้วยว่าจะทำอะไร)… ทั้งนี้เพื่อความสะดวกไม่เป็นการรบกวน    ลูกหลานจึงขอเชิญท่านได้ไปอยู่อาศัย  ณ  ที่แห่งใหม่”

จากนั้นนำขัน  ๕  ไปยังสระหรือแม่น้ำ  เมื่อไปถึงที่หมาย  นั่งคุกเข่า  ยกขัน  ๕  ขึ้นระดับอก  กล่าวว่า  “พ่อแม่เอ๋ย..บัดนี้ได้นำมาถึงที่อยู่แห่งใหม่แล้ว  ขอเชิญพ่อแม่ได้เลือกอยู่ตามสบายเถิด”   จากนั้นค่อยๆ  ลอยกระทงขัน  ๕  ลงสู่แม่น้ำด้วยความเคารพ..  เสร็จแล้วขอพร

จากนั้นเวลาใส่บาตรทำบุญ  ก็ควรอุทิศบุญให้กับผู้สถิตรักษาในบ้านเรือน  ในอาคารสถานที่ของตนเองบ้าง  ด้วยการอุทิศบุญว่า  ..บุญนี้อุทิศให้ผู้สถิตในบ้านเรือนข้า , บุญนี้อุทิศให้ สถิตในที่ดินข้า  พวกเขาจะปกปักรักษาให้ปลอดภัย  อยู่ติดบ้านพร้อมหน้าพร้อมตากัน

๒๓. วิธีจุดธูป ๓ ขอ

ในที่ดิน  ไม่ว่าที่บ้าน ที่สวน ที่นา  หากได้ทำการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้  คือ รื้อบ้าน  ต่อเติมบ้าน  สร้างบ้านหรืออาคาร  กั้นรั้ว  สร้างกำแพง  ถมที่  ปิดทางเดินโบราณ  เอาโฉนดเข้าจำนอง ฯลฯ  ที่ได้ล่วงล้ำทำลงไปแล้ว  ทำให้เกิดผลร้ายในในครอบครัวตามมา  ดังที่หลายคนได้เคยประสบ

ควรได้ทำพิธีจุดธูป ๓ ขอ เพื่อความเป็นสิริมงคล ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับครอบครัว   และอาชีพการงาน  ลุกลามไปมากกว่านี้

ให้จุดธูปกลางแจ้ง ๕ ดอก  ช่วงเช้าหรือเย็นตามสะดวก  กล่าวบอกผู้ที่สถิต  เกี่ยวข้อง  ผูกพันกับที่ดินแปลงนั้นให้ได้รับรู้ก่อน  โดยกล่าวว่า

“..ขอโทษที่ลูกหลานได้ล่วงเกิน ปรับไถ ถมที่ ก่อสร้าง…………(เติมเรื่องที่ทำ)………. โดยไม่ได้บอกกล่าว ทำให้ท่านทั้งหลายขัดเคือง เดือดร้อน..  บัดนี้ ลูกหลานขอโทษ  ขอพ่อแม่ทั้งหลาย  จงอย่าได้ถือสาหาโทษกับลูกหลานเลย..

..พร้อมกันนี้  ลูกหลานขออนุญาต  ที่จะอยู่ อาศัย ทำมาหากินในสถานที่นี้  ขอพ่อแม่ทั้งหลายจงได้อนุญาตด้วยเถิด  ส่วนเส้นทางที่ถูกปิดกั้น ใช้ไม่สะดวกนั้น  ขอให้พ่อแม่เปลี่ยนไปใช้เส้นทางใหม่ที่จัดไว้ให้เถิด…(บอกถนนในปัจจุบันให้เขาทราบ)

..และเมื่อลูกหลานได้อยู่  อาศัย  ทำมาหากินแล้ว  ขอพรให้พ่อแม่จงได้ปกปักรักษาลูกหลาน  ให้อยู่เย็นเป็นสุข  ครอบครัวอบอุ่น  ทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง ได้กิน ได้ทาน ได้ทำบุญกุศลต่อไป..”

เสร็จแล้วปักธูปลงดิน  จากนั้นให้ใส่บาตรทำบุญ  อุทิศให้ผู้สถิตในที่ดินผืนนั้นว่า..บุญนี้  ให้กับผู้ที่สถิตในที่ดินผืนนี้..   ให้จุดธูปบอกกล่าวติดต่อกัน  ๓ วัน เรื่องร้ายๆ ที่เป็นอยู่จะค่อยบรรเทาและจางหายไป

หลังจากทำพิธีจุดธูป ๓ ขอแล้ว..ให้ทำพิธีแก้อาถรรพ์ที่ดินต่อ เพื่อแก้ไขข้อขัดข้อง..  อันเป็นการทำบุญให้กับผู้สถิต เกี่ยวข้อง ผูกพัน กับที่ดินผืนนั้น  ให้เขาได้พ้นทุกข์พ้นเวร  แล้วที่ดินแปลงนั้นจะเป็นที่ดินมงคล  อยู่ก็สุขสบาย ทำมาค้าขายก็เจริญรุ่งเรืองแล.

๒๔. วิธีล้างอาถรรพ์ที่ดิน

ที่ดินทับซ้อนกัน  ที่ดินโกงกันมา  ปลูกบ้านทับบ้านโบราณ  ล้อมรั้วเอาแดนสาธารณะ  ขายที่ไม่ได้  ที่ติดแบ็งค์  เป็นหนี้กับที่ดินไม่เลิก  มีโฉนดกี่ใบก็เข้าแบ็งค์หมด  ซื้อที่ดินซื้อบ้านที่หลุดจำนอง  ฯลฯ  เหล่านี้เป็นเหตุให้คนในครอบครัวนั้นมีปัญหาได้   บางคนพอซื้อที่ดินแปลงนั้นมาก็ค้าขายขาดทุน  ป่วยไข้กลายเป็นหนี้ขึ้น  บางคนพอไปมัดจำซื้อที่ดิน  ก็เริ่มป่วยทั้งครอบครัว  เพราะที่มันแรง  ใครครอบครองก็ต้องมีอันเป็นไป

อ่านมาถึงตรงนี้  ก็อย่าพึ่งวิตกจริตไปล่ะ!  เพราะมันวิธีแก้ไขให้ร้ายกลายเป็นมงคล  ขอให้ตั้งใจอ่าน  และทำความเข้าใจให้ดี  แล้วคุณจะได้ลาภจากที่ดินแปลงนั้น

ขุดดินทั้ง  ๔  มุมของพื้นที่  ถ้าตรงกลางที่สามารถขุดได้  ก็ให้ขุดตรงกลางด้วย  รวมแล้วให้ได้  ๑  ถัง  ขนาด  ๑๐  ลิตร  ถ้าแปลงใหญ่ ก็เอาให้มากตามไปด้วย  ให้ถือว่าดินในถังเป็นตัวแทนของที่ดินแปลงนั้น  เสร็จแล้วโปรยข้าวตอกดอกไม้ลงบนดินในถัง  จับขอบถังแล้วพูดว่า  “ขอเชิญผู้สถิต เกี่ยวข้อง  ผูกพัน  กับที่ดินผืนนี้  จงไปทำบุญกับลูกกับหลานเถิด” 

จากนั้น  นำดินไปวัด วางนอกชายคาศาลา แล้วไปถามพระท่านว่า    “ผมเอาดินมาทำบุญ  จะให้เทที่ไหนครับ”  เมื่อท่านบอกที่ให้แล้ว  จึงนำดินไปเทพร้อมเกลี่ยให้เรียบ  เทน้ำลงบนดินนั้น  กรวดน้ำอุทิศบุญที่เรานำดินมาถวายนี้  ให้กับผู้ติดตามดินและติดตามตัวเรามา

“บุญนี้  อุทิศให้กับผู้ที่ติดตามมา    และเป็นการใช้หนี้ที่ดินของข้าพเจ้าและบรรพบุรุษ  ขอท่านจงสาธุรับเอาบุญนี้  แล้วจงเป็นเสื้อผ้า  อาหาร  ปราสาทวิมาน  ยานพาหนะ  ยศทิพย์  อำนาจทิพย์  สมบัติทิพย์  บริวาร  และปัญญา  แก่ท่านทั้งหลายเถิด” 

ภายหลังเมื่อไปทำบุญสุนทานที่ไหน  ให้อุทิศบุญส่งไปให้ผู้สถิตในที่ดินแปลงนั้นเสมอๆ..  ที่แปลงนั้นจะเป็นมงคล  จะอยู่อาศัย  จะซื้อจะขาย  ก็จะสะดวกสบายได้กำไรงาม  โดยไม่ต้องไปทำพิธีอื่นๆให้วุ่นวาย

อนึ่ง.  ความหนักเบาของอาถรรพ์ที่ดินไม่เหมือนกัน  บางคนทำเพียงครั้งเดียวก็ดีขึ้น  แต่บางคนต้องทำกันหลายครั้ง  แล้วแต่องค์ประกอบ  ดังนั้น  ทางที่ดีควรทำสักเดือนละครั้งจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น  เพราะดวง โชคเป็นของเรา  ฉะนั้นต้องเอาที่มันดีที่สุด  จริงมั๊ย!

๒๕. ถอนคำสัญญา

คำสัญญาต่างๆ ที่เคยพูดต่อกันไว้นั้น  เมื่อไม่สามารถทำตามที่รับปากได้  ให้ไปบอกคืนเขาเสีย  จะได้ไม่ต้องผูกพันตามชดใช้กันอีก  หรือคำสัญญิงสัญญาใดที่นานแสนนาน  จนหลงลืมไปบ้าง  ของเดิมแต่ชาติปางก่อนบ้าง  คำเหล่านั้น  เมื่อไม่สามารถทำตามได้แล้ว  เวลามันผ่านพ้นมาแล้ว  ก็ควรถอนออก  ยกเลิกไปเสีย  อย่าปล่อยไว้ให้เป็นปัญหาอีก

มิฉะนั้นจะต้องมาคอยชดใช้  เกิดภาวะญาติอาศัยยั้วเยี้ย นำปัญหาสารพัดอย่างมาให้แก้  มีแต่ช่วยเขาฟรี  เหนื่อยแทบตายแต่อาศัยใครไม่ได้ เข้าลักษณะทำคุณคนไม่ขึ้น  อย่างนี้มันต้องถอน  ต้องถอนเท่านั้น  จึงจะดีขึ้น

จุดธูป ๗ ดอก ต่อหน้าพระประธานในโบสถ์หรือศาลา  กล่าวสาธยายเล่าแจ้งแถลงไขเสียก่อนว่า  จะถอนเพราะเหตุใด  บอกความจำเป็น เหตุผลไปแล้ว ตั้งนะโม ๓ จบ  กล่าวคำถอนว่า

“ขออานุภาพพระพุทธเจ้า   พระธรรมเจ้า  พระสังฆเจ้า  จงมาเป็นสักขีพยาน    ข้าพเจ้า……(ใส่ ชื่อ นามสกุล)…….ขอถอนคำสัญญา  คำสาบาน   ที่เคยให้ไว้กับบุคคลต่างๆ ทั้งในชาตินี้  และอดีตชาติที่ผ่านมา  เพราะไม่สามารถจำได้ และไม่อาจปฏิบัติได้ทุกข้อ ขอท่านทั้งหลายเหล่านั้นจงได้เข้าใจ และยกโทษให้อภัยแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด” (ว่า ๓ ครั้ง)

จากนั้นไปทำบุญ  แล้วอุทิศให้พวกเขาว่า  “บุญนี้ ให้กับผู้ที่ข้าพเจ้าเคยทำผิดสัญญา”  ทำพิธีถอนและอุทิศบุญบ่อยๆ ภาวะญาติอาศัยจะค่อยบรรเทาเบาบางลง แล้วต่อไปก็อย่าได้เที่ยวสงสารรับปากใครต่อใครมั่วๆอีกล่ะ  ผิดคำสัญญา คำสาบานขึ้นมาแล้วมันจะยุ่ง.. ลำบากทั้งคนตาย ลำบากทั้งคนเป็น

ถาม. ลูกสาวเป็นแผลพุพองที่ขาข้างซ้ายตั้งแต่เด็ก  รักษาไม่ยอมหาย  ปัจจุบันอายุ ๒๗ ปีแล้ว  เป็นเพราะอะไร  มียาให้ไหม?

ตอบ. เขาไม่ยอมมีแฟนสิ? (ใช่ค่ะ)..เพราะเขาเคยสัญญารักไว้ มาชาตินี้คนรักเก่าตามมา  เป็นวิญญาณใช้มือจับขาไว้ตลอด ชนิดไปไหนไปด้วย  เพราะมัวแต่เฝ้าหญิงคนรัก  จึงไม่ได้รับบุญทานการกุศลที่ญาติทำมาให้  นอนกับพื้นเดินเองไม่ได้  ต้องเกาะขาให้เขาลากไป 

รอยมือที่จับนั้นจึงกลายเป็นแผลพุพอง  และเพราะคำสัญญาเดิมลูกสาวคุณจึงไม่มีใจจะรักใคร  ให้เธอจุดธูปบอกเลิกคำสัญญารัก  แล้วทำบุญให้เขาไปผุดไปเกิด  จะได้หมดห่วงต่อกัน  แผลก็จะหาย

ถาม. ทำคุณคนไม่ขึ้น  ญาติพี่น้องนำแต่ปัญหามาให้ช่วย  จนเป็นศูนย์บรรเทาทุกข์ไปแล้วนะทุกวันนี้  จะทำไงดีคะ?

ตอบ. อันนี้เพราะเคยรับปาก สัญญิงสัญญาเขาเอาไว้ จะช่วยอย่างนั้นอย่างนี้  มีปัญหาอะไรก็ให้บอก ไม่ต้องเกรงใจ  แต่ไม่ได้ทำตามที่พูด (เหมือนตอนหาเสียงเด๊ะเลย)…มาชาตินี้ คนเหล่านั้นเลยมาขออาศัยตามที่สัญญากันไว้  คนที่สัญญารักก็เหมือนกัน  ตายแล้วไม่ได้ไปผุดไปเกิด  เพราะติดคำสัญญาก็มีแยะ  ไม่เห็นผีแม่นาคพระโขนงรึ.? ขอให้ไปแก้ไขตามเอกสารนี้นะ  แล้วจะดีขึ้น

๒๖. รวมคำอุทิศบุญ

เมื่อทำบุญทุกครั้ง  ไม่ว่าจะเป็นใส่บาตร  ร่วมบริจาค  หยอดตู้  ควรอุทิศบุญให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา   เพื่อความสุขของเขา  และความโชคดีของตัวเราเอง  ด้วยการอุทิศบุญทันทีที่ปล่อยมือจากของทำบุญ  เพราะการทำบุญสิ้นสุด คือ สำเร็จเป็นบุญ ๑๐๐% ในขณะที่เราปล่อยมือจากของถวาย ของนั้นถือว่าหมดสิทธิ์จากเราเด็ดขาด  กลายเป็นของพระท่าน ๑๐๐%

ขณะนั้นนั่นแหละที่บุญมีผลเต็มกำลัง  หากอุทิศหมายทานไปสู่ผู้ใด  ผู้นั้นจะได้รับผลง่ายและเต็มที่   สามารถเปลี่ยนแปลงสภาวะแก่ดวงวิญญาณนั้นๆ ได้อย่างรวดเร็ว  แจ๋วกว่าอุทิศเวลาอื่นที่พลังบุญอ่อนลงแล้ว

เมื่อเข้าใจเช่นนี้แล้ว  จงช่วยกันสอนตัวเอง สอนลูกสอนหลานให้เข้าใจ  จนทำการอุทิศบุญแบบสายตรง  ได้เป็นทุกคน  แล้วผลบุญจะสะท้อนกลับมาสู่ครอบครัวคุณได้เร็ว..แรง..ดังใจหวัง

ดังนั้นพอถวายเสร็จแต่ละอย่าง ให้พนมมืออุทิศบุญทันทีว่า..

  • บุญนี้ ให้กับสัตว์ที่เคยเลี้ยง   (พวกฟาร์มเลี้ยงสัตว์ต่างๆที่เลี้ยงสัตว์ขาย)
  • บุญนี้ ให้กับสัตว์ที่เคยขาย    (พวกขายอาหารต่างๆ เช่น ไก่ย่าง เนื้อย่าง)
  • บุญนี้ ให้กับสัตว์ที่เคยกิน
  • บุญนี้ ให้กับผู้เดือดร้อนเพราะอาชีพข้าพเจ้า  (เช่น ช่างกล ช่างก่อสร้าง  ฝ่ายเร่งรัดหนี้สิน)
  • บุญนี้ ให้กับผู้เดือดร้อนเพราะการทำงานของข้าพเจ้า (เช่นก่อสร้างถนน ไถที่)
  • บุญนี้ ให้กับผู้ที่ติดตามมา
  • บุญนี้ ให้กับผู้ที่เบียดเบียนตัวข้า
  • บุญนี้ ให้กับผู้ที่คุ้มครองรักษาข้า
  • บุญนี้ ให้กับหมู่ญาติที่มาถึง
  • บุญนี้ จงถึงแก่เจ้ากรรมนายเวรที่มาถึง (เอาเฉพาะที่มาถึงเท่านั้น  ที่ยังไม่มาก็ไม่ต้องให้)
  • บุญนี้  จงถึงแก่ผู้รักษาบ้านเรือนข้าพเจ้า
  • บุญนี้  จงถึงแก่  ยักษ์  นาค  ครุฑ  คนธรรพ์   ที่อาศัยอยู่บริเวณบ้านเรือนข้าพเจ้า
  • บุญนี้  จงถึงแก่ผู้รักษาอาชีพข้าพเจ้า
  • บุญนี้  จงถึงแก่ผู้รักษาทรัพย์ข้าพเจ้า
  • บุญนี้  จงถึงแก่เหล่าเปรต ผี ปีศาจ ที่อาศัยอยู่ ณ.ที่นี้
  • บุญนี้  ให้แก่เทวดารักษาบ้านเมือง
  • บุญนี้  ให้กับเทวดาที่รักษาพระศาสนา

ถ้าจะอุทิศบุญไปช่วยเหลือผู้อื่น  เช่น  พ่อแม่อุทิศให้ลูก  ลูกอุทิศให้พ่อแม่  ให้อุทิศว่า

  • บุญนี้ ให้กับผู้ที่เบียดเบียนลูกข้า
  • บุญนี้ ให้กับผู้ที่คุ้มครองรักษาลูกข้า
  • บุญนี้ ให้กับหมู่ญาติของลูกข้า
  • บุญนี้ จงเป็นทุกสิ่งแก่พ่อแม่ข้า
  • บุญนี้ จงเป็นทุกสิ่งแก่ลูกข้า
  • บุญนี้ จงเป็นการใช้หนี้แก่พ่อแม่ข้า
  • บุญนี้ จงเป็นการใช้หนี้แก่แฟนข้า
  • บุญนี้ จงเป็นการใช้หนี้แก่ลูกข้า

จะใช้บทไหน  จะอุทิศให้ใคร  เชิญเลือกได้ตามสบาย  จากนั้นเวลารับพร จะกรวดน้ำ ไม่กรวดน้ำก็ตาม จงตั้งใจอุทิศบุญอีกครั้งว่า

“บุญนี้ให้กับผู้ที่ติดตามมา  ขอท่านจงสาธุรับเอาบุญนี้  แล้วจงเป็นเสื้อผ้า  อาหาร  ปราสาทวิมาน  ยานพาหนะ  ยศทิพย์  อำนาจทิพย์  สมบัติทิพย์  บริวารและปัญญา  แก่ท่านทั้งหลายเถิด”

และยังมีอีกหลายข้อความ  ที่คุณสามารถนำมาใช้อุทิศบุญ  ไม่ใช่มีแค่คำกรวดน้ำสั้นๆ ที่เราคุ้นเคยกัน ..ถ้าทำบุญแล้วอยากรวย  อยากสบาย  อยากอยู่เย็นเป็นสุข คุณต้องอุทิศแบบนี้..

๒๗. ขั้นตอนอาราธนาธาตุขันธ์ครูบาอาจารย์

เมื่อพระเถระครูบาอาจารย์ป่วยหนัก  อยู่ในขั้นน่าวิตกก็ดี ป่วยมานานทรุดลงเรื่อยๆ  ก็ดี  ทั้งแบบที่ทราบสาเหตุและไม่ทราบสาเหตุ  คณะศิษย์ทั้งพระและฆราวาส  ควรได้ทำพิธีอาราธนาธาตุขันธ์  เพื่อการดำรงอยู่และประกาศพระศาสนาต่อไป ซึ่งมีขั้นตอนดังนั้น  ๑. ทำพิธี ๓ ขอ   ๒. กราบอาราธนาธาตุขันธ์  ๓.  การอุทิศบุญแก่เจ้ากรรมนายเวร  ๔.  การสาธยายพระสูตร

๑. พิธี  ๓  ขอ

จัดกระทงขัน  ๕  คือ กระทงใบกล้วยเย็บสี่มุม ใส่เทียนขาว ๕ คู่  ดอกไม้ขาว  ๕  คู่  นำไปวางหน้าพระประธานในพระอุโบสถ  หรือศาลาของวัดที่ท่านจำพรรษา  หรือถ้าทราบสาเหตุที่ผิดธรรมดา  เช่น  ก่อสร้างเสนาสนะทับที่โบราณ  ถมคูคลอง  บ่อน้ำภายในวัด  ตัดต้นไม้ใหญ่  รื้อไถ ถมโบราณสถาน  ทำให้ภพภูมิอื่นเดือดร้อน  โกรธเคือง ก็ไปทำ ณ สถานที่นั้น

วางกระทง  แล้วจุดธูป  ๕  ดอก   พนมมือบอกกล่าวผู้ที่เคืองแค้น  ผูกเวร  กับหลวงพ่อรูปนั้นอยู่ให้ได้รับทราบภาษาและกระจิตของเรา  เพราะว่ามีหลายกลุ่มที่สื่อคนละภาษากับมนุษย์

“ขออำนาจพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  จงบันดาลให้ผู้ที่เบียดเบียน  ทำให้หลวงพ่อ..(ใส่ชื่อฉายา)..  เจ็บป่วย  จงได้รับรู้กระแสจิตและฟังภาษาข้ารู้เรื่องด้วยเถิด.  ว่า  ๓  ครั้ง

“ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ของหลวงพ่อ………………..    ขอแจ้งแก่ท่านทั้งหลายว่า  สิ่งใดที่หลวงพ่อ………………………คณะศิษย์  ผู้ปฏิบัติธรรม  และช่างก่อสร้าง ได้ทำให้โกรธเคือง เดือดร้อน จากการก่อสร้าง (ระบุ)  ลูกหลานก็ขอโทษขออภัยด้วย  ขอพ่อแม่จงได้ยกโทษให้อภัยแก่หลวงพ่อ……………………คณะศิษย์  ผู้ปฏิบัติธรรม  และช่างก่อสร้างด้วยเถิด

พร้อมกันนี้ ลูกหลานก็ขออนุญาตใช้สถานที่นี้  เพื่ออยู่  อาศัย  ประพฤติปฏิบัติ บำเพ็ญบุญกุศล  ของพุทธบริษัทสืบต่อไปด้วยเถิด  และขอให้พ่อแม่  ตลอดทั้งผู้สถิต  เกี่ยวข้อง ผูกพันกับสถานที่นี้  จงได้มีส่วนแห่งบุญที่ลูกหลานทำตลอดไปเทอญ

และลูกหลานขอพรให้หลวงพ่อ………………ได้หายจากอาพาธ  มีสุขภาพแข็งแรง อยู่ประกาศพระศาสนาไปถ้วน ๑๐๐ ปี  ขอให้ท่านท้าวมหาราช  ทั้ง  ๔  จงได้รับรู้การร้องขอ  ของข้าพเจ้าทั้งหลายในครั้งนี้ด้วยเถิด”  (ในพิธี  ๓  ขอ พระสงฆ์ไม่ต้องประณมมือ)

๒. กราบอาราธนาธาตุขันธ์

อันดับแรกส่งตัวแทนเข้าไปกราบเรียนท่านก่อนว่า  คณะศิษย์จะได้ขอโอกาสเพื่อกราบอาราธนาธาตุขันธ์ของครูบาอาจารย์  ขอครูบาอาจารย์  จงได้เมตตาแก่คณะศิษย์ด้วยเถิด  เมื่อกราบเรียนแล้วให้จัดเตรียม  พานบายศรี  ๑  พาน  (มี  ๕ ชั้น ๗ ชั้น  ๙  ชั้น  ตามขนาดอายุของท่านและผลงานการประกาศธรรม)  พานพุ่มดอกไม้  ประกอบอีกสองพาน  ผ้าไตรหนึ่งไตร  แล้วเริ่มพิธีดังนี้

  • ให้บูชาพระ  กล่าวเชิญเทวดา  ทุกภพทุกภูมิมาร่วมพิธี  เสร็จแล้วกราบ  ๓  ครั้ง ตั้งนะโม  ๓  จบ  ถือพานพุ่ม  กล่าวอาราธนาธาตุขันธ์ว่า..  (หัวหน้านำ)

“..ขออานุภาพพระพุทธเจ้า  พระธรรมเจ้า  พระสังฆเจ้า  จงเป็นสักขีพยานด้วยเถิด  ข้าพเจ้าคณะศิษย์  และพุทธบริษัททุกภพทุกภูมิ  ขอกราบอาราธนา  พ่อแม่ครูบาอาจารย์  ได้ดำรงธาตุขันธ์ เพื่อประกาศพระศาสนา  เกื้อกูลแก่พุทธบริษัท ไปถ้วน ๑๐๐  ปี  ด้วยหมู่สัตว์  ผู้มืดบอดด้วยอวิชชา  ยังรอรับแสงแห่งพระธรรมอยู่อีกเป็นจำนวนมาก  ขอพ่อแม่ครูบาอาจารย์  จงได้โปรดเมตตารับขันอาราธนาของปวงข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยเทอญ..”

  • น้อมพานบายศรี  พานพุ่มดอกไม้  ผ้าไตร  เข้าไปถวายท่านตามลำดับ  เสร็จแล้ว  กราบ ๓  ครั้ง  หลังจากนี้ไป  พยามยามรบกวนท่านให้น้อยที่สุด  เพื่อให้ท่านได้เข้าสมาธิ ซักฟอกธาตุขันธ์  เพื่อเยียวยา  ฟื้นฟูร่างกาย  ฉะนั้นไม่จำเป็นควรงดเยี่ยมจะดีที่สุด

๓.  การทำบุญอุทิศ

เวลาเช้า  หรือเย็น  หลังสวดมนต์ทำวัตร  พึงนำกล่าวพร้อมกันว่า  “.. ด้วยคุณพระพุทธ  คุณพระธรรม  คุณพระสงฆ์  คุณของพ่อแม่  คุณครูบาอาจารย์  ฤทธิ์แห่งเทวดาทั้งหลาย  จงบันดาลให้สำเร็จตามที่ปรารถนาด้วยเถิด..  เจ้ากรรมนายเวรที่เบียดเบียนหลวงพ่อ……………….อยู่  จงได้หยั่งทราบ  พระท่านขอบิณฑบาตมา  ขอท่านทั้งหลาย  จงได้โปรดเมตตายกโทษให้อภัย เลิกจองเวรกับหลวงพ่อ  ……………….ด้วยเถิด  ข้าพเจ้าจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้..”

ตอนเช้าไปใส่บาตรทำบุญ  พึงอุทิศบุญว่า    ๑. บุญนี้  ให้กับผู้ที่เบียดเบียนหลวงพ่อ  ๒. บุญนี้ให้กับผู้คุ้มครองรักษาหลวงพ่อ  ๓. บุญนี้ให้กับหมู่ญาติของหลวงพ่อ.  อุทิศดังนี้  เป็นประจำทุกวัน จนกว่าท่านจะหายอาพาธ

๔.  การสาธยายพระสูตร

จัดให้พระภิกษุ  ๓ หรือ ๕ รูป  ไปสาธยายพระสูตรให้ท่านฟังวันละหนึ่งครั้ง  ในช่วงบ่ายหรือกลางคืน  เวลาใดเวลาหนึ่ง  ตามที่เห็นสมควร  โดยจัดที่นั่งพระสงฆ์  และขัน ๘ บูชาธรรม  คือ  พานใส่เทียนขาว  ๘  คู่ ดอกไม้ขาว ๘ คู่

เมื่อได้เวลาพระสงฆ์ห่มผ้าพาดสังฆาฏิ ก่อนสาธยาย  องค์หัวหน้ากราบเรียนท่านว่า  “.คณะศิษย์ขอโอกาสสาธยายพระสูตรถวาย  เพื่อความสำราญของครูบาอาจารย์  ขอรับ.”  จากนั้นนั่งประจำที่สาธยายดังนี้  คือ  ตั้งนะโม ๓ จบ  ต่อด้วย  พุทธัง  สรณัง  คัจฉามิ  ทุติยัมปิฯ   ตติยัมปิฯ  ขึ้นบทคิริมานนทสูตร  ๑  จบ  (มนต์พิธีหน้า  ๑๐๘)  ตามด้วย    โพชฌังคปริตร  ๓ จบ    ปิดท้ายด้วย  ภะวะตุสัพ..

ขอให้สวดช้าๆ  ชัดเจน  พอให้ท่านได้ยินพอดีๆ  กระแสธรรมปิติที่เกิดขึ้นจะเข้าหล่อเลี้ยงธาตุขันธ์  ให้แข็งแรงขึ้นมา  เลือดลมจะหมุนเวียนบำรุงธาตุสี่ให้บริบูรณ์  อาพาธก็จะหายไปแล

พระสงฆ์เมื่อสาธยายพระสูตรจบแล้ว  รอสักครู่  ให้ท่านสาธุการ  ถวายขัน ๘ บูชาธรรมก่อนจึงกลับ  นำขันบูชาธรรมนั้น  ไปจุดบูชาที่พระอุโบสถ  ศาลา  หรือลานหน้าพระเจดีย์  ตามเห็นสมควร  หลังฟังสาธยายพระสูตรแล้ว  ควรให้ท่านพักเพื่อใช้ธรรมปิติฟอกธาตุขันธ์  ไม่ควรชวนท่านสนทนา

การบูชาบุคคลที่ควรบูชา  เป็นมงคลอันสูงสุด การได้ปฏิบัติวัตรฐากครูบาอาจารย์  ย่อมนำมาซึ่งบุญกุศลอันยิ่งใหญ่  นักปราชญ์ทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น  ก็ได้เคารพปฏิบัติสืบทอดกันมา

แม้นว่าที่สุดแห่งอวสาน    ท่านต้องละสังขารไป    ความอิ่มใจในฐานะศิษย์   ก็จะตราตรึงไปตลอดกาล   จนกว่าจะพ้นจากวัฏฏสงสารถึงบรมสุข  เช่น  ปูชนียาจารย์รูปนั้น  สาธุ.

จบขั้นตอนพิธีแต่เพียงเท่านี้

๒๘. สารพันปัญหาคำสารภาพ

คำสารภาพนี้ เกิดจากการสนทนาปัญหาชีวิตประกอบลายมือ  จากผู้มาปรึกษากับข้าพเจ้า  ได้นำลงมาไว้พอเป็นแนวทางปฏิบัติของคุณผู้อ่าน    ปัญหาของเพื่อนคนใด  ที่ตรงกับเรื่องของคุณ  จะได้นำไปแก้ไขได้ถูกทาง  แต่ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า  คนที่มีปัญหาอย่างเดียวกัน  อาจใช้การแก้ไขที่แตกต่างกันไป  ดังนั้น  จงอย่าวิตกไปเกินเหตุ  ค่อยๆ  อ่านแล้วพิจารณาสาเหตุของตนเอง  แล้วจะแก้ไขได้

อนึ่ง  อย่าได้คิดว่าข้าพเจ้าเก่งจน  รู้ลายมือไปทั้งหมด  เพียงแต่กรรมหนักเบาไม่เหมือนกัน  ผลการทำนายจึงไม่เหมือนกัน  สรุปคือช่วยไม่ได้ทุกคน  และเนื้อหาที่นำมาลงนี้  เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสนทนาเท่านั้น  เพื่อจำกัดขนาดของหนังสือจึงได้ตัดคำให้กระชับขึ้น  จึงดูเหมือนว่าจะรู้ไปเสียหมด  หากเนื้อหาต่อไปนี้  พาดพิงความเป็นส่วนตัวของผู้ถามปัญหาบ้าง  ขอจงให้อภัยและอนุญาตแก่ข้าพเจ้าด้วย  ขอปัญหาของท่านจงเป็นวิทยาทานแก่เพื่อนๆ คนอื่นต่อไปด้วยเถิด

ถาม.  ค้าขาย  ขาดทุน  เป็นหนี้มาหลายปี  บุญก็ทำตลอด  แต่รู้สึกแย่ลงทุกวัน  ถ้าแก้ไขไม่ได้  บ้านคงโดนยึด!..?

ตอบ.  คุณปิดบ่อน้ำข้างบ้านใช่ไหม? (ใช่ค่ะ)  ปล่อยน้ำเสียลงไปด้วย (ใช่ค่ะ)  ไปเปิดบ่อแล้วล้างบ่อซะ  ให้จัดกระทง  ขัน ๕ คือ  เทียนขาว  ๕ คู่  ดอกไม้ขาว  ๕ คู่  นำไปวางที่ข้างบ่อ แล้วใช้วิธี ๓ ขอ  คือ  ขอโทษ  ขออนุญาต  และขอพร  ต่อไปก็ใส่บาตรอุทิศให้ เขาบ่อยๆ

ถาม.  ถ้าจะถมบ่อ  ถมสระไปเลย  จะทำอย่างไรครับ?

ตอบ.  ให้แต่งขัน  ๕  ไปวางที่ข้างสระนั้น  แล้วกล่าวขออนุญาตว่า  “พ่อแม่เอ๋ย  ลูกหลานว่าจะถมสระนี้  เพื่อใช้เป็นที่ปลูกสร้างบ้านเรือน  กลัวว่าจะเป็นการรบกวนแก่พ่อแม่  ลูกหลานจึงขอเชิญพ่อแม่ไปอยู่ที่อยู่ใหม่  ที่สะดวกสบายกว่านี้    ดังนั้น  จึงขอเชิญพ่อแม่ไปกับลูกหลานด้วยเถิด  จะนำไปสู่แหล่งน้ำใสไหลเย็น”

จากนั้น  นำขัน  ๕  ไปสู่แหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์  เมื่อถึงแล้วให้กล่าวว่า  “บัดนี้  ลูกหลานได้นำมาสู่แม่น้ำแล้ว  ขอพ่อแม่จงอยู่อาศัยให้สบายเถิด”  แล้วปล่อยกระทงลงน้ำ

ถาม.  ปวดเมื่อย  ขาไม่มีแรง  ไปหาหมอก็ไม่พบสาเหตุ  และฝันร้ายบ่อยด้วย เช่น  ฝันว่าฟ้าผ่าบ้านครับ?

ตอบ. ที่บ้านนั้นเป็นสวนเก่า เคยมีบ่อน้ำมาก่อน เลยเป็นแบบนี้  ให้ไปจุดธูป  ๕  ดอกแล้วใช้วิธี ๓ ขอ  คือ  ขอโทษที่ได้ถมบ่อน้ำ  ขออนุญาตเพื่อใช้พื้นที่เพื่อสร้างบ้านอยู่อาศัย   และขอพรให้อยู่เย็นเป็นสุข

จากนั้น  ขุดดิน  ๔  มุมของพื้นที่  ให้ได้หนึ่งถัง  โรยข้าวตอกดอกไม้  ดอกไม้นั้นต้องเด็ดเป็นกลีบๆ  ไม่ใช่ใส่ลงไปทั้งดอกนะ  เสร็จแล้วพูดว่า  “ขอเชิญผู้ที่สถิต เกี่ยวข้อง ผูกพัน  กับที่ดินผืนนี้ ไปทำบุญกับลูกหลานเน้อ”  จากนั้นนำดินไปวัด  เพื่อทำบุญอุทิศให้ผู้ที่ติดตามมา  แล้วจะหายป่วย  ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข

ถาม.  ไม่สบาย  ป่วยมานาน  งานก็หนัก  ชีวิตจะดีขึ้นไหมคะ?

ตอบ.  เป็นหนี้ด้วย โฉนดที่ดิน ๓ ใบ ติดแบ็งค์หมดเลยรึ? (ใช่ค่ะ)  เธอนี้เกี่ยวข้องอยู่  ๒ กรณี  คือ  ๑.  ที่ดินแปลงนี้เธอซื้อต่อจากธนาคาร (ใช่ค่ะ)  ๒.  แม่เธอเคยมีปัญหา  เรื่องที่ดินกับญาติพี่น้อง  แต่แม่เธอเป็นฝ่ายรุกเอาที่เขานะ  ให้ขุดดิน  ๔  มุมของพื้นที่  มีกี่แปลงเอาทั้งหมด  ที่ละ   ๑  ถังเอาเต็มถังนะ  ระวังความตระหนี่ล่ะมันจะไม่ยอมให้ขุดมาก  มันกลัวหมด  นี่ล่ะจะได้เห็นความยึดมั่นในสมบัติของคนเรา  เมื่อเกิดการรุกล้ำที่ดินกัน เลยผูกใจเจ็บ  และเมื่อตายไปต้องไปเกิดเป็นเปรตยืนเฝ้าที่ดินนั้นนับร้อยนับพันปี

ให้ทำตามเอกสารนี้  ทำเดือนละครั้ง  แล้วจะดีขึ้น  ที่ดินจะได้ไม่ถูกยึด  เมื่อทำเช่นนี้แล้ว  สภาพมิติทิพย์ที่แวดล้อมตัวคุณอยู่จะดีขึ้น  พวกเขามีสมบัติทิพย์อย่างที่ต้องการแล้ว  ก็จะส่งสัญญาณทิพย์นั้นมาสร้างสภาวะความสำเร็จแก่มนุษย์  ให้เป็นเช่นเดียวกับที่พวกเขาเป็นอยู่เปรียบเสมือนคนไปอยู่ในสลัมมีมลพิษ  นานไปคุณก็จะกลายเป็นเหมือนคนที่สลัมนั้น  แต่ไปอยู่สวิตซ์เซอร์แลนด์  คุณจะกลายเป็นคนที่นั่น  ตามสภาพแวดล้อม  ต้องพูด  แต่งตัว  กินอาหาร  เหมือนเขา

เช่นกัน  ถ้าญาติทิพย์หรือผู้เกี่ยวข้อง  ผูกพันในบ้านที่ดินของเรา  ป่วยไข้  ตกทุกข์ได้ยาก   เขาก็จะส่งกระแสคลื่น  การเจ็บป่วย  ตกทุกข์ได้ยากนั้น  มาเกิดเป็นภาวะหนี้สิน  เจ็บป่วยกับครอบครัวของเราได้

ในทางกลับกัน  ถ้าพวกเขาเหล่านั้นอยู่เย็นเป็นสุข  มีสมบัติทิพย์  บริวาร  พวกเราก็จะทำมาหากินคล่อง  ปัญหาน้อย  อุปสรรค์น้อย  ทำอะไรจะสำเร็จได้ง่าย  อารมณ์จิตใจก็จะดีด้วย

ถาม.  ทำงานตำแหน่งไม่ขึ้น  ปัญหาเยอะ  ค้าขายก็ไปไม่รอด  จะทำอย่างไรดีคะ?

ตอบ.  มีลูกกี่คน  (หนึ่งคนค่ะ)  มีสองไม่ใช่หรือ?   (อือ..เอ่อ..  คือ  ค่ะรวมที่แท้ง)  เจตนา..?  (ค่ะ..พอดีเลิกกับแฟน)  บาปกินใจเธอ  เลยรู้สึกเก็บกด  ชีวิตหาความสุขไม่ได้  คุณได้เคยขอขมาโทษแม่หรือยัง? (ยังค่ะ)  สองกระทงเลยนะเรา

๑. วิญญาณเด็กตามอาฆาต เลยค้าขายไม่เจริญ  เก็บเงินไม่อยู่  มีแต่เรื่องเสียเงิน   คบกับใครก็มีปัญหา    ๒.  ทำให้พ่อแม่ เสียใจน้ำตาไหลกับความดื้อในวัยหวาน  (ยอมรับค่ะ)  เลยทำให้ตำแหน่งงานไม่ขึ้น  แฟนทิ้งประสบภาวะการเงิน  (จะแก้ไขอย่างไรคะ)  ยอมแล้วเหรอ.?  (ค่ะ.. ยินดีทำตามคำแนะนำทุกอย่าง)  ทุกข์ที่สุดแล้วก็ต้องยอม  ถึงเวลาหมดเวรเสียที

กับเด็กให้จุดธูปกลางแจ้ง ๑ ดอก  เวลาเช้าหรือเย็นตามสะดวก  กล่าวคำขอโทษว่า  “ขออำนาจพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  จงดลบันดาลคำขอโทษของข้าพเจ้าให้ไปถึงกับลูกที่เคยทำแท้ง  ขอจงได้รับทราบและยกโทษให้อภัยแก่แม่ด้วยเถิด จะทำบุญไปให้  และขอให้มีส่วนแห่งบุญที่แม่ทำทุกๆ ครั้งด้วยเถิด”  เสร็จแล้วปักธูปลงดิน  จากนั้นไปทำบุญให้เขา โดยอุทิศบุญว่า  “บุญนี้จงเป็นทุกสิ่งแก่ลูกข้าพเจ้า”  ทำบ่อยๆ  ก็จะดีขึ้น  ต่อไปไม่ต้องจุดธูป  ให้อุทิศบุญอย่างเดียว

ถาม.  ต้องเอาของเล่นของใช้เด็กไปทำบุญด้วยไหมคะ?

ตอบ.  ไม่ต้อง  คุณจะให้พระท่านเล่นตุ๊กตางั้นเหรอ!  (ไม่รู้  อ่านเจอ) เข้าใจให้ถูกนะ ในโลกวิญญาณนั้นบุญเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการ  ต้องการอะไรก็จะใช้บุญบันดาลเอาทั้งสิ้น  เหมือนคุณมีเงิน คุณก็ซื้อได้ทุกอย่าง   หรือมีข้อบังคับว่า  เงินขายข้าวเท่านั้นจึงซื้อรถได้  เงินขายอ้อยขายลำไยซื้อรถไม่ได้  (ไม่มีค่ะ)  ใช่..ถ้ามีคงลำบากแน่ๆ

บุญก็เช่นกัน  ไม่มีข้อจำกัดว่าถวายอย่างไรได้อย่างนั้น  น้ำหนึ่งขวดทำบุญแล้ว  อุทิศเป็นเสื้อผ้ามันก็เป็นเสื้อผ้า  อุทิศเป็นปราสาทวิมานมันก็เป็นประสาทวิมาน  มีบุญแล้วจะให้เป็นอะไรก็ได้  เหมือนมีเงินซะอย่าง  จะซื้ออะไรก็ได้ทั้งนั้น  เข้าใจนะ  (ค่ะ)

ถาม.  แต่งงานมา  ๖  ปีไม่มีลูก  ไปหาหมอก็แล้ว  ไปทำพิธีก็แล้ว  มีวิธีไหมค่ะ?

ตอบ.  สภาพคุณทั้งคู่ไม่มีปัญหา   แต่ปัญหามันมาจากตัวคุณ  กับทางแม่  ทางยาย  ที่เคยเกี่ยวข้องกับการทำแท้ง  (โอ๊ะ! เอ่อ…ใช่ค่ะ  หนูไปส่งเพื่อน  แม่หนูก็เอาน้องออก)  นั่นแหละ ดวงจิตทั้งหลายจึงไม่กล้ามาเกิด  เพราะเขากลัวตาย  เขาบอกกันไว้  และวิญญาณนี้ยังขัดลาภทำให้เธอค้าขายไม่ได้กำไร  มันเป็นกรรมสองชั้น

(หนูแค่ไปส่งผิดด้วยหรือ?)  เขามาขอร้อง  เธอก็รับอาสาไปส่ง  ไปนั่งรอ  เพราะเธอรู้จักแหล่งทำแท้ง  ถ้าขาดเธอเหตุการณ์นี้ก็ยากที่จะเกิด  วิญญาณเด็กจึงอาฆาตเธอมากกว่าแม่เขาเอง  ไปจุดธูป ๑ ดอกกลางแจ้ง  บอกขอโทษเขาเสีย

แล้วใส่บาตรอุทิศบุญให้เขาว่า  “บุญนี้  จงเป็นทุกสิ่งแก่เด็กที่ข้าพเจ้าเคยทำร้าย” ทำบุญอุทิศให้บ่อยๆ  ก็จะดีขึ้น  เกี่ยวกับการมีลูกนั้น

อันดับแรก ให้ตั้งตนอยู่ในคุณงามความดี หมั่นทำบุญสุนทาน ทำอารมณ์ให้เบิกบานแจ่มใส  มีเมตตาจิต  เป็นการเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อให้ดวงจิตที่มีบุญญาธิการมาเกิด  ต่อแต่นั้นทุกครั้งที่ทำบุญให้ทาน  ก็พึงอุทิศบุญไปให้แก่ดวงจิต หรือนางฟ้า เทวดาที่ต้องการจะมาเกิดเพื่อสร้างบุญบารมี ขอจงรับเอาส่วนบุญนี้แล้วจงมาเกิดกับข้าพเจ้า ทำบุญทานการกุศลใดๆ   ก็ให้ตั้งจิตอุทิศบุญเอาไว้ดั่งนี้เสมอๆ   บุญของเราก็จะมากขึ้น บุญของดวงจิตที่จะมาเกิดกับเราก็เพิ่มขึ้น  เกิดการเกี่ยวพัน ผูกพันกันด้วยบุญกุศล  เป็นกระแสทิพย์ให้เขามาเกิดกับเราได้  ลูกที่เกิดมาก็จะมีสุขภาพ อนามัยสมบูรณ์ มีอุปนิสัย จิตใจงดงาม ด้วยอำนาจบุญนั้นปั้นแต่งให้เป็นไป  แม้ขณะตั้งครรภ์ก็ควรจ่ายบุญให้เทวดาที่รักษาลูกในท้องบ่อยๆ

ข้อสำคัญคือ  เมื่อมีลูกแล้วก็พึงเอาใจใส่ดูแล ให้การศึกษาอบรมในทางที่ดีที่ถูกต้อง   ขอเน้นตรง “อบรมให้ถูกต้อง” นี้เป็นข้อใหญ่ เป็น   สำคัญ เพื่อให้เขาโตขึ้นเป็นคนที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ อย่าหลง  เลี้ยงกายซะดีเลิศจนเป็นเทวดา แต่ลืมเลี้ยงใจให้เขามีคุณความดีที่มนุษย์ควรจะมีจะเป็น ! จนกลายมาเป็นบ่อเกิดของความทุกข์ ความวุ่นวาย ใน   หัวอกพ่อแม่ หรือใครต่อใครอย่างที่รู้ๆ เห็นๆ กันอยู่

ถาม.  การงานไม่มั่นคง  เงินไม่พอใช้  มีปัญหากับแฟนประจำ  นี่ก็ทะเลาะกันอยู่  จะแก้ดวงอย่างไรครับ?

ตอบ.  เคยทำแท้งมั้ย?  (ไม่เคยครับ)  คิดดูให้ดีสิ  (อ๋อ..!  ครับกับแฟนคนแรก  เอ่อ!!!…เขาให้ผมไปส่ง)  คุณบังคับเขา  คุณไม่รับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำ  คุณไปส่ง นั่งรอ และจ่ายเงินให้ด้วย  เด็กนั้นสี่เดือนเป็นผู้ชาย  เขาทรมานจนตาย  ในขณะที่คุณนั่งสบายใจว่าหมดปัญหา  นี้เองชีวิตคุณมันเลยเน่าๆ  ได้แต่เมาไปวันๆ  ไปจุดธูปขอโทษ  และทำบุญอุทิศให้เขาซะ เขาจะยกโทษให้  แล้วคุณจะหมดปัญหาร้าวรานในครอบครัว

และพฤติกรรมของคุณหลายอย่าง  ทำให้พ่อแม่ผิดหวังเสียใจในตัวคุณ  แม่ได้แช่งคุณเอาไว้  มันขัดโชคขัดลาภ  จนยากที่จะผ่านไปได้  ไปทำพิธีขอขมาพ่อแม่  และให้ท่านถอนคำสาปแช่งออกให้ด้วย  ชีวิตจึงจะมีสุขสมหวัง

ถาม.  ที่บ้านทะเลาะกันบ่อย  ลงทุนก็เจ๊ง  มันติดๆ  ขัดๆ  อย่างไร ไม่รู้..?

ตอบ.  ขันติ  เมตตา  พาให้สามัคคีตั้งมั่น  คือเมื่อมีเรื่องกระทบกระทั่งกัน  อันดับแรกต้องอดทนอดกลั้นก่อน  ทนไปจนเหลืออดแล้ว  จึงค่อยเมตตา  ใจเขาใจเรา  ถ้อยทีถ้อยอาศัย  เข้าใจอารมณ์  เหตุผลของกันและกัน  นี่คือวิธีที่ถูกต้อง  นี่คุณไปแผ่เมตตาก่อน  เมื่อใช้ไม่ได้ผลจึงมาใช้ขันติ  มันเลยกลายเป็นว่า…ทนเอา  ทนเอา  อยู่ใครอยู่มัน..  ไม่ยอมพูดกัน  ผลมันเลยเป็นแบบนี้  เข้าใจนะ (ค่ะ)

ที่บ้านคุณติดลำคลอง  คุณต่อเติมบ้านไปรุกเอาที่คลองสาธารณะ  แถมยังทิ้งขยะลงคลองหลังบ้านด้วย  หมู่ภูตพรายที่สิงสถิต  และเดินทางในน้ำ  ไม่พอใจที่ไปรุกที่เขา  จึงเตือนและพยายามไล่ที่  ให้คุณรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออก  เลยพากันเบื่อบ้านคิดแต่จะหนี  ซึ่งถ้าไม่หนีอาจเป็นบ้าหรือฆ่าตัวตาย..

หยุดทิ้งขยะ  หยุดการปิดกั้นลำคลอง  ให้จุดธูป  ๕ ดอกบอกกล่าว  ๓  ขอต่อเจ้าที่เจ้าทาง  แล้วใส่บาตรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พวกเขาเรื่อยๆ  จนกว่าเขาจะหายโกรธ

ถาม.  ขายที่ไม่ออก  มีแต่คนนำเรื่องเดือดร้อนมาให้  ใครๆ  ก็มาอาศัยแต่เรา  จะทำไงดีคะ?

ตอบ.  ที่ดินแปลงนี้ติดธนาคารมาก่อนรึ?  (ค่ะ..จะขายเอาเงินมาสร้างบ้าน)  ที่ดินที่ติดธนาคารนั้น  แสดงว่ามันมีสิ่งผิดปกติ  จึงทำให้เจ้าของรายต่อมาเป็นหนี้ตลอด..  (ใช่ค่ะ..พอเป็นหนี้  ก็ขายใช้หนี้กันมาเรื่อยๆ )  คุณซื้อมาใช้ คุณก็ต้องเอาเข้าแบ็งค์อีก  และคนที่จะซื้อต่อจากคุณก็ต้องมีเหตุเข้าแบ็งค์อีก  (ค่ะ…ได้ยินว่าพอเขาตกลงซื้อที่หนูแล้ว  เขาก็ป่วยหนูเลยกังวลว่าเขาจะซื้อจริงมั้ย? เพราะถ้าขายแปลงนี้ไม่ได้หนูก็เสร็จแน่  เพราะบ้านก็ติดแบ็งค์ไว้เหมือนกัน)

ถึงทางตัน แต่ก็ไม่ต้องกังวล  ขายได้แน่นอน  แต่เพื่อตัดวงจรหนี้ไม่ให้ขยายไปอีก  ให้ไปขุดดิน  ๔  มุมของพื้นที่  เอาตรงกลางด้วยเป็น ๕ จุด  บอกกล่าวแล้วนำไปทำบุญ เอาไปทั้งสองแปลงเลยนะ  จะเอาไปทำบุญ  เช้า  สาย  บ่าย  เย็น  ได้ทั้งนั้น  ต่อไปจะทำมาหากินสะดวก  หมดหนี้โดยเร็ว  ส่วนคนที่ซื้อที่ดินเราไปก็จะได้เจริญรุ่งเรือง  ไม่เป็นหนี้สิน

ส่วนที่ทำคุณคนไม่ขึ้น  อาศัยใครไม่ได้นั้น  เป็นเพราะกรรมเก่า  ที่ไม่ได้เลี้ยงดูพ่อแม่  พี่น้องมาก่อน  ไปหากินต่างถิ่นแล้วก็ลืมไปเลย …เอาดีแต่ครอบครัวตัวเอง  ไม่สนใจเหลียวแลพ่อแม่พี่น้อง  มรดกตกทอดของพ่อแม่  ก็เอามากกว่าพี่กว่าน้อง..  กรรมอดีตชาติส่งผล  เลยต้องมาคอยเลี้ยง  คอยตามล้างตามเก็บ  ออกหน้ารับทุกข์แทนคนอื่น  เพื่อใช้กรรม

แก้ไขด้วยการทำบุญด้วยเงิน  แล้วอุทิศเพื่อชดใช้หนี้บุญคุณพ่อแม่  พี่น้อง  ด้วยคำว่า  “บุญนี้ อุทิศเป็นการใช้หนี้บุญคุณของพ่อแม่  พี่น้องในชาติก่อน”  ทำอย่างนี้บ่อยๆ  สถานการณ์ต่างๆ ก็จะดีขึ้น  อย่าขี้เกียจล่ะ.(ค่ะ)

ถาม.  คนที่บ้านก็เยอะ  เราเลี้ยงคนเดียว  พ่อแม่เสียนานแล้ว  ต้องคอยเลี้ยงน้อง  เลี้ยงลูกให้เขา  กรรมอะไรนักหนาก็ไม่รู้..?

ตอบ.  หาเงินให้คนอื่นใช้  ถ้าไม่ช่วยก็สงสารเขา  ปฏิเสธคนไม่เป็น  อันนี้เพราะสัญญาใจแต่เก่าก่อน  มันคอยกระซิบให้ไถ่บาปที่เคยทำ  คือแต่ชาติก่อนนั้น  รักกันหนาเลยพากันหนี  ไปตั้งครอบครัว  หักล้างถางพง  ปลูกผักปลูกสวนอยู่ต่างถิ่น    คิดเอาไว้ในใจว่าได้ดีมีเงินแล้ว   จะกลับบ้านไปกราบขอขมาโทษพ่อแม่  ญาติพี่น้อง  ที่ต้องเสียใจอับอายขายหน้าเพราะตัวเรา

แต่จนแล้วจนรอด  ก็ได้แต่ร้องไห้สำนึกผิด  ไม่เคยได้กลับบ้านเกิดหรือติดต่อกลับไป หวังแต่ว่าวันหนึ่งจะกลับไปทดแทนคุณ  สุดท้ายก็เสียชีวิตไป พร้อมกับสัญญาใจที่มีอยู่

มาชาตินี้จึงต้องแบกภาระทุกอย่าง  ต้องทำงานเลี้ยงพ่อแม่  ส่งน้องเรียน  ส่งหลานเรียน   ขนาดนั้นเขาก็ยังตำหนิว่าไม่ดี  ถูกด่าประจำ  ดีนะมีวิชาเก่าติดตัวมาคือ  ปลูกอะไรก็งาม  ได้กินได้ขาย  (ค่ะ..  หัวเราะ)

ให้ไปทำพิธีขอขมาพ่อแม่  ติดต่อกัน ๗ ครั้ง ๗ วัน  เอาเงินใช้หนี้เก่าให้ท่านด้วย  เพราะตอนหนีตามกันมา  คุณเอาเงินทองของแม่ไปด้วยนะ    ทำตามเอกสารนี้จะได้หมดเคราะห์  และอาการสะดุ้งตกใจง่ายก็จะหายไปด้วย  (โอ..ใช่  เป็นเพราะอะไรคะ)

เพราะแต่ก่อนแม้จะทำผิดพลาด  พ่อแม่ก็ยินดีให้อภัย ..คำว่าลูกนั้นมันผูกพันหัวใจ  ตัดไม่ขาดหรอก.. ท่านคอยถามข่าว  คอยมองทางว่าเมื่อไหร่ลูกจะกลับมา  ยิ่งตอนป่วยไข้ยิ่งพะวงอยากเห็นหน้า  เสียงหมาเห่ากลางดึก  ก็ผวาดีใจนึกว่าลูกกลับมาแล้ว  มาสู่อ้อมอกแม่อีกครั้ง

แม้จะโกรธเคือง  แค้นใจอยู่บ้างก็ตาม  แต่ขอเพียงได้เห็นหน้าลูกว่ายังมีชีวิตอยู่  ได้ยินคำว่าแม่  ได้จับมือก่อนตายก็พอใจแล้ว  แต่แม้จนวาระสุดท้ายของท่าน  แม่ก็ไม่สมหวัง  จึงลาจากโลกนี้ไปด้วยน้ำตา  (ร้องไห้)  คุณเลยต้องมีอาการสะดุ้ง  ชอบร้องไห้มาจนทุกวันนี้   (ขอกราบขอบพระคุณที่สุด  หนูพบทางสว่างแล้ว)

ถาม. ป่วยกระเสาะกระแสะไม่ยอมหาย  ลูกชายก็ชอบก่อเรื่อง  อายุหกสิบกว่าแล้ว  ก็ไม่ได้สบายกับเขา  ไปรับจ้างทุกวัน  เป็นคนเลี้ยงพ่อแม่แท้ๆ  กลับไม่เจริญ  ลูกคนอื่นๆ  เขาไม่เคยมาดูแลแม่  เขากลับมีอยู่มีกิน  เมื่อไหร่จะหมดเคราะห์  มีโชคลาภกับเขาบ้าง?

ตอบ.  โอ้!  คุณแม่นี้ขยันดีเน๊าะ!  ขอโทษเถอะคุณแม่  ที่ตกอยู่ในสภาพนี้  ไม่ใช่เพราะเลี้ยงพ่อแม่ไม่ได้บุญนะ  ขอโทษนะ คุณแม่เลี้ยงไป เช็ดขี้  เช็ดเยี่ยวไป คุณแม่ก็ด่าว่าไปด้วยว่า “..จะหายก็ไม่หาย จะตายก็ไม่ตาย ป่วยให้เช็ดขี้ เช็ดเยี่ยวอยู่ได้ ..” ใช่ไหมเล่า..? (จ๊ะ..  ยอมรับ  แม่เช็ดไป  ก็ร้องไห้ไป)

อีกอย่างขายที่ดินก็ไม่บอกท่าน    (ก็เอามาเป็นค่าหมอค่ายายายเขา.)  ขอโทษนะ  แต่คุณแม่ก็เอาเงินนั้นไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานตัวเองด้วย  มันวัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่งนะคุณแม่

ให้จุดธูป  ๑  ดอกกลางแจ้ง บอกกล่าวพ่อแม่ บรรพบุรุษ  เกี่ยวกับการขายที่ดิน และเงินที่นำไปใช้  ต่อเนื่องกัน  ๓  วัน  และใส่บาตรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง  หวงแหน  ในที่ดินผืนนั้นด้วยนะ

และให้แต่งขัน  ๕  ขอขมาต่อรูปคุณยายแกทุกวันพระติดต่อกัน ๗ ครั้ง  พร้อมกับไปทำพิธีถอนคำสาปแช่งที่วัดทุกวันพระ ต่อเนื่องกัน ๗ ครั้ง  ตามเอกสารนี้  แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น  คุณแม่จะได้หมดเคราะห์ หมดเวรเสียที

ถาม.  ทำไมไม่มีโชคลาภกับเขา  ใส่บาตรทุกวัน  ก็ยังไม่รวย  ซื้อหวยก็ไม่ถูก?

ตอบ.  คนที่ซื้อหวยถูกเขาทำบุญอีกแบบหนึ่งยาย  คือทำบุญแบบไม่ได้เจตนาไว้ก่อน    เป็นการทำบุญเฉพาะหน้า  เช่นเดินไปทำงาน  เจอพระเลยรีบหาของใส่บาตร  ผ่านไปธุระที่วัด  พอดีเขาทอดผ้าป่า  หรือบวชนาค  หรือเห็นมีการก่อสร้าง  แล้วเกิดศรัทธาบริจาคร่วมบุญกับเขา ไปตลาดเห็นปลาเกิดความสงสารจึงซื้อไปปล่อย..  อย่างนี้เมื่อบุญให้ผล  ก็จะได้ลาภลอย  หรือถูกหวยกับเขา  แต่ไม่สนับสนุนให้ซื้อนะยาย

อีกอย่างยายใส่บาตรก็จริง  แต่ไม่เคยอุทิศบุญเลย  มีแต่ขอให้รวยๆ  (หัวเราะ)  ต่อไปเวลาใส่บาตรให้อุทิศบุญทันทีเลยว่า บุญนี้ให้ ผู้ที่เบียดเบียนตัวข้า..  บุญนี้ให้ผู้ที่รักษาตัวข้า..  บุญนี้ให้หมู่ญาติที่มาถึง..  หรือเวลาเร่งด่วนให้อุทิศแบบรวบยอดว่า  บุญนี้ให้กับผู้ที่ติดตามข้าพเจ้ามา..  อย่างนี้ทุกวันแล้วจะโชคดี

ถ้าไปทำบุญที่วัด  เวลาพระให้พร  ให้นึกว่า  “บุญนี้ให้กับผู้ที่ติดตามมา  ขอท่านจงสาธุรับเอาบุญนี้  แล้วจงเป็นเสื้อผ้า  อาหาร  ปราสาทวิมาน  ยานพาหนะ  ยศทิพย์  อำนาจทิพย์  สมบัติทิพย์  บริวารและปัญญา  แก่ท่านทั้งหลายเถิด”  ให้คิดอย่างนี้  ดีกว่าจะไปเทน้ำบ่นงึมงำๆ  แก้เขินอย่างที่เคยทำ

ถาม.  วิ่งหาแต่เงิน  ได้แต่ไม่เหลือ  ต้องได้ยืมเงินค่าปุ๋ยค่ายา  ทำไงดีครับ?

ตอบ.  ลายมือระบุว่า คุณติดหนี้เขาอยู่นะ  สมัยหนุ่มไปทำอะไรไว้  เอาเงินไปใช้หนี้เขาเสียนะ  (ครับ..นึกได้แล้ว  แต่มันนานมากจะตามใช้ได้อย่างไร)  งั้นต้องรอเวลาเขาทำพิธีทานใช้ทานแทน ค่อยเอาไปใช้หนี้ผ่านพิธีนั้นก็ได้

ถาม.  ป่วยมานาน  แต่หาสาเหตุไม่เจอ  แถมถูกโกงจนเป็นหนี้ จะได้เงินคืนไหมคะ? (ร้องไห้)

ตอบ.  การเกิดเป็นทุกข์  แต่รู้สึกว่าการใช้ชีวิตให้ผ่านพ้นอุปสรรคในแต่ละวันจะทุกข์ทรมานกว่านะ..  เอาเถอะ!  อย่าพี่งท้อ..ขอให้สู้ต่อไปนะ  ขอโทษคุณไปรับขันครู  รับองค์อะไรหรือเปล่า?  (รับค่ะ..เป็นพระนเรศวร)  อือ..มันไม่ใช่พระนเรศวร  องค์ดำอะไรหรอก  แค่ผีธรรมดา  ที่เกี่ยวข้องเป็นญาติคุณ  เขาต้องการบุญจากคุณเท่านั้น

เอาคืนไปซะ  พระนเรศวรท่านเป็นกษัตริย์ จะมาวิ่งต้อยๆ  รับใช้คุณทำไม เสียศักดิ์ศรีหมด   คุณเป็นหัวหน้า  ถ้าต้องคอยวิ่งรับใช้ เด็กฝึกงาน มันสมควรและสมศักดิ์ศรีแล้วหรือ?(ไม่รู้…เขาบอกอย่างนั้น)

ธรรมดาคนเราไปที่ไหน  จะมีวิญญาณ  ๓ กลุ่มติดตามไปเสมอ   คือ ๑. กลุ่มเจ้ากรรมนายเวรที่ตามแก้แค้น  ๒.  กลุ่มผู้คุ้มครองรักษา  ๓.  กลุ่มญาติที่มารอรับส่วนบุญ  ยิ่งคุณมีหน้าที่รักษาคนป่วย ยิ่งมีกลุ่มต่างมิติตามมามาก  เจ้าทรงเห็นเข้าเพียงบางส่วน  ก็ทึกทักเอาว่ามีองค์ติดตาม  บอกให้รับขันเชิญองค์อย่างนั้นอย่างนี้  ซึ่งไม่เกี่ยวกัน  ที่จริงทั้ง  ๓  กลุ่ม  ต้องการบุญจากคุณเท่านั้น

เกี่ยวกับหนี้สิน  ที่ดินนั้น  ให้คุณไปขุดดิน  ๔  มุมรอบพื้นที่  ไปทำบุญที่วัดตามเอกสารนี้  ทำทุกเดือนนะ  แล้วก็จะดีขึ้น  เอ้า! ให้น้ำมนต์ไปดื่มด้วย  จะได้มีพลังชีวิตสู้ต่อไป

ถาม.  เก็บเงินไม่อยู่  มีเงินเมื่อไหร่มีเรื่องร้ายทุกที  นี่ก็ติดคดีอยู่  ในบ้านมันร้อนๆ  วุ่นวายไม่เลิก!..?

ตอบ.  ลายมือบอกว่าลุงถมสระน้ำปลูกบ้าน  และปิดถมลำเหมืองที่ข้างบ้านด้วย (ใช่ครับ)  ไปจุดธูป  ๕  ดอก  ทำพิธี ๓  ขอ ตามเอกสารนี้นะ  ส่วนที่เก็บเงินไม่อยู่นั้น  หรือมีเงินก็มีเรื่องร้ายนั้น  เพราะลุงชอบดูหมิ่นเงินเอาไว้ เช่นพูดว่า เงินแค่นี้จะเสียดายทำไม, ช่างมันเงินแค่นี้, หวงทำไมวะเงินไม่กี่ร้อย,  ยิ่งเหล้าเข้าปากล่ะ  พูดเหมือนเงินไม่มีค่า  (ครับ..ยอมรับ  แล้วจะแก้ยังไง)

เอาเงินใส่พาน  วางแบ็งค์พันก่อน  แล้วตามด้วยใบห้าร้อย  หนึ่งร้อย  ห้าสิบ ยี่สิบ  สิบบาท  ตามด้วยเหรียญ  เรียงซ้อนกันจากมากมาหาน้อย  นำไปวางต่อหน้าพระพุทธรูป  จุดธูป ๓ ดอก กราบขอขมาโทษเงินนั้นว่า

“..สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้ทำผิด  หมิ่นประมาทต่อเงินทองของมีค่า ด้วยกาย วาจา ใจ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้  ข้าพเจ้าขอขมาลาโทษต่อขวัญเงิน ขวัญทอง  ขอขวัญเงิน ขวัญทองจงได้ยกโทษอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด  และขอเชิญได้กลับมาสถิตเป็นมิ่งขวัญแก่เงินทองของข้าพเจ้าดังเดิมด้วยเถิด  สาธุ..”  วางไว้จนกว่าธูปจะหมด  จึงนำเงินนั้นมาเป็นขวัญถุง  เคราะห์เข็ญทุกข์ลาภก็จะหมดไป  ต่อไปก็ระวังคำพูดคำจาให้ดีล่ะ

ถาม.  ผมอยากทำงาน  เป็นธุรกิจส่วนตัวได้ไหมครับ  มีปัญหากับเพื่อนบ่อย?

ตอบ.  ได้  แต่เธอต้องแยกให้ออกระหว่างการเชื่อคนง่ายกับ  ขี้สงสารคน  มิฉะนั้นจะเก็บเงินไม่อยู่  ขี้สงสารเป็นเมตตา เชื่อคนง่ายเป็นความโง่  พยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อพิจารณาก่อน  อย่ารับปากใครมั่วๆ

ที่มีปัญหากับคนง่าย  ทั้งที่ทำดีแล้วนั้น  เป็นเพราะเหตุสองอย่าง  คือ ๑. ชาติก่อนรับปากคนอื่นไว้มาก  แต่ไม่ได้ทำตามที่พูด  กลายเป็นหนี้คำพูด  ต้องคอยโอนอ่อนวิ่งรับใช้คนอื่น  และถูกเขาหลอกใช้เป็นมือเป็นเท้าให้เจ็บตัวฟรี

ส่วนที่  ๒.  เคยเลี้ยงหมาไว้  แต่ชอบแกล้งและเตะตีมัน  ทำให้หมาเสียใจ  เธอเลยทำคุณคนไม่ขึ้น  มีปัญหากันบ่อย  ให้จุดธูปให้  ๑  ดอกกลางแจ้ง ขอโทษดวงวิญญาณมันซะ  แล้วให้ใส่บาตรอุทิศบุญให้มันเรื่อยๆ  ชีวิตก็จะเจริญรุ่งเรือง

ถาม.  มีลูกสองคน  จะได้พึ่งใคร  เขาจะเลี้ยงดูไหม?

ตอบ.  ตามลายมือตอนนี้พึ่งยาก  มีแต่เขาพึ่งแม่  คงต้องโทษพ่อแม่เองแหละ ที่เลี้ยงลูกเป็นเทวดา  คิดว่าโตขึ้นมันจะเก่งเอง  ดีเอง  สุดท้ายเป็นไงล่ะ  อายุ  ๓๐  แล้วยังแบมือขอเงินอยู่เลย  ก่อหนี้ไว้  ก็ต้องตามชดใช้ให้  แม่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ  ส่วนลูกอยู่คลับอยู่บาร์

ถ้าอยากให้เขาตั้งตัวได้  ก็อย่าไปพยุงเขามาก  ปล่อยให้เขาได้รับบทเรียนบ้าง  อย่าไปออกหน้ารับแทนเสียทุกเรื่อง  การที่ไม่ได้ฝึกงานเขาตั้งแต่เด็ก  เลยทำให้เขาทำอะไรไม่เป็น  โตขึ้นเลยขาดความรับผิดชอบ  อายุมากขึ้นจะไปฝึกหัด  เรียนรู้อะไรก็อายเด็กๆ   สุดท้ายเลยปล่อยชีวิตให้เสียเปล่าไปวันๆ

ถ้าอยากให้เขามีอนาคตสดใส  ประสบผลสำเร็จในชีวิต  ให้ปฏิบัติดังนี้  ไปบอกให้เขาแบ่งเงินให้แม่อย่างน้อยเดือนละ  ๒๐๐  บาท  เพื่อเป็นค่าอาหาร  เป็นการเลี้ยงดูตอบแทนคุณพ่อแม่  (แต่เขายังขอเงินแม่อยู่เลย)  ..ขอก็ส่วนขอ ให้ก็ส่วนให้  ทำไปหลายเดือนเข้า  ดวงมันจะดีขึ้น  ส่วนขอก็จะหมดไป  เหลือแต่ส่วนให้

เดือนละสองร้อย   เฉลี่ยวันละ ๗ บาท    กินข้าวสามมื้อ    มื้อละสองบาทสลึง  แต่ลูกกินใช้วันละกี่ร้อย  พอมีปัญญาเขาจะคิดได้ว่าเลี้ยงพ่อแม่ดีรึยัง  กินข้าววันละ ๗ บาท  สองคนมันอิ่มมั๊ย  เขาจะได้คิดและประหยัดอดออม  รับรองมันจะน้ำตาไหล จนไม่กล้ากลับเข้าบาร์อีกเลย (สาธุ เถอะค่ะ)

ต้องกล้าที่จะพูด  กล้าที่จะทำ  ถ้าอยากให้ดวงลูกดีขึ้น  ส่วนคนพี่นั้น  ถึงจะแก้ไขอะไรไม่ได้ในช่วงนี้  แต่วันหน้าเมื่อน้องเป็นตัวอย่าง  เขาจะลุกขึ้นมาสู้ชีวิต  ทำตามน้อง  ต่อไปก็มอบหน้าที่ให้เขาช่วยผ่อนบ้าน  เพราะดวงคุณจะได้บ้านพร้อมที่ดินในอีกสองปีข้างหน้านะ

ถาม.  ป่วยมานาน  ไปหาหมอ  หมอก็ไม่ว่าอะไร ให้กินแต่ยา  ก็ไม่เห็นหาย  จะถูกของไหม  จะแก้อย่างไร  ไปมาหลายที่แล้ว?

ตอบ.  คุณแม่ปวดในกระดูก  แสบจี๊ดๆ  ในหัวใช่ไหม?  (ใช่จ๊ะ)  ไม่ได้ถูกของ  ถูกผีที่ไหนหรอก  คุณแม่กินผงชูรสมากเกินไป  ลดลงซะ  ลดเค็มลงด้วย  แล้วไปซื้อเห็ดหอม  เห็ดหูหนูขาว  เห็นหูหนูดำมาต้มกับน้ำครึ่งลิตร กินน้ำยา ส่วนเนื้อเห็ดก็นำไปทำกับข้าว (เอาเห็ดมากไหม) ..ไม่มากสักฝายมือเดียว  ใส่น้ำพอท่วมเห็ดแค่นั้นเอง  ต้มกินน้ำเห็ดทุกวันอาการปวดตามตัวในกระดูกจะหายไป

ส่วนที่ปวดขาก็ให้เอากระเพรา  ๕ ยอด  ยาว  ๑  คืบ  ข่าแก่ยาว  ๒  นิ้ว  ทุบให้แตก  ต้มกับน้ำ  ๑  ลิตร  เดือด  ๑๕  นาที  เก็บเอาน้ำยาไว้กินตลอดวัน  กินไปเรื่อยๆ  ก็จะหาย  แล้วอย่าหลงไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์  ถอดของอีกล่ะ

ถาม.  จะเปิดบริษัท  แต่กังวลเรื่องคนงาน  เพราะที่ผ่านมาลูกน้องไม่ค่อยซื่อสัตย์  มีปัญหาบ่อย?

ตอบ.  คุณไม่เคยทำบุญด้วยดอกไม้ของหอม  คุณทำบุญแต่เงินกับข้าวปลาอาหาร  ลืมน้ำปานะ  ของกินเล่น  วิธีแก้คือในวันพระให้คุณเก็บดอกไม้ในบริเวณบ้าน เท่าที่จะหาได้  (ไม่พอค่อยเอาจากที่อื่น)  พร้อมพูดว่า “ขอเชิญผู้สถิต  เกี่ยวข้อง ผูกพัน กับบ้านหลังนี้ มาเป็นเจ้าภาพในการจัดพานดอกไม้  ไปบูชาพระด้วยกัน”  เมื่อจัดเสร็จให้นำไปถวายบูชาพระในโบสถ์หรือศาลา  เมื่อวางถวายแล้ว  พูดว่า  “บุญนี้ให้กับผู้ร่วมทำและร่วมอนุโมทนาในทานครั้งนี้”

ทำบ่อยๆ  ต่อไปกิจการจะดี  ได้ลูกน้องความรู้ดี  นิสัยดีมาร่วมงาน  คราวหน้าเวลาไปทำบุญก็สรรหาให้ครบหน่อย  อย่าเอาโดดๆ  แต่ข้าวหม้อแกงหม้อ  ให้มีเครื่องดื่ม  ขนม  นมเนยประกอบบ้าง  จะได้อุดมสมบูรณ์ทั้งทรัพย์และบริวาร

ถาม.  ดวงจะเป็นอย่างไร  การงาน  ความรักจะดีไหม?

ตอบ.  เหนื่อยมากสิ.  ต่อไปนี้ชีวิตจะดีขึ้น  ตั้งเนื้อตั้งตัวได้  ที่ชีวิตต้องเร่ร่อนจากบ้านเกิดนั้น  เพราะโกรธแม่ที่ตีตอนเด็ก  ที่จริงแม่ก็เกินไป อะไรก็ตี  อะไรก็ด่า  น่าจะใจเย็นๆ  ค่อยบอกค่อยสอนก็ได้  ทำอย่างนี้ลูกมันโกรธแค้น  เลยเป็นบาปกับเขา

พออายุ  ๑๙-๒๐  ก็ปะทะกับแม่รุนแรง  ก่อนออกจากบ้านได้พูดใส่หน้าแม่ว่า  “เบื่อคนบ้านนี้  ไม่อยากอยู่แล้วบ้านหลังนี้”  คำพูดนี้อาถรรพ์  ชีวิตเลยประสบความระทม  ตลอดสิบกว่าปี  ที่จริงเกือบเสียชีวิตแล้วเมื่ออายุ ๒๘  ปี(ใช่ค่ะ) ..เธอมีเส้นพุทธคุณ เวลาทุกข์มา ก็นึกถึงพระ ไหว้พระเป็นประจำ  เลยทำให้รอดมาได้จนถึงวันนี้..

ขอให้ตั้งใจใหม่  สร้างชีวิตใหม่  อดีตคือบทเรียนของปัจจุบัน  ปัจจุบันคือความสำเร็จในอนาคต  ให้ไปกราบขอขมาพ่อแม่เสีย  ให้ท่านยกโทษให้  ได้อาบน้ำล้างเท้าท่าน  ๗  วัน  ชีวิตก็จะดีขึ้น  พร้อมกับขอกลับเข้ามาอยู่ใต้ร่มโพธิ์ร่มไทรของพ่อแม่ตามเดิม  เรื่องเนื้อคู่นั้น  เมื่อแก้ไขบาปเคราะห์เสร็จเขาก็จะเข้ามาเองแหละ

ถาม.  ชีวิตครอบครัวจะเป็นอย่างไร  จะรวยกับเขาไหม  จะเรียนจบมั๊ย?

ตอบ.  ห่างวัดเหลือเกินนะเรา  หัดใส่บาตรกับเขาบ้างสิ  จำไว้นะ บุญหนุนดวง  ดวงหนุนโชคลาภ    บุญน้อยก็ดวงตก  โชคลาภก็ลดลง  แต่ปัญหาอุปสรรคจะมากขึ้น  เหนื่อยมั้ยล่ะ?  (เหนื่อยมาก)  เรียนก็ดี ถูกทาง  ขยันกว่านี้หน่อยนะ (หนูเคยแท้ง) ถูกบังคับสิ  (ใช่ค่ะ..อายุน้อย) เฮ้อ!  เรียนๆ  รักๆ  มักไม่จบ  ไปจุดธูปบอกขอโทษเขา  แล้วทำบุญให้เขาด้วย  ให้แฟนทำด้วยนะ  จะได้เลิกจองเวรกัน  (ค่ะ…ขอบคุณมากค่ะ)

๒๙. ความสำเร็จที่รอคอย

                  หลักมีอยู่ว่า  ศึกษาให้เข้าใจ ลงมือทำให้เต็มที่ แล้วผลสำเร็จจะตามมา  ซึ่งก็เป็นที่น่ายินดีว่า  เพื่อนๆ ของเรา ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ หญิงและชาย  ที่ได้ปฏิบัติตามข้อแนะนำ  เพื่อแก้ไขปัญหา อุปสรรคในชีวิตแล้ว  ล้วนปรากฏผลเป็นที่น่าพอใจ  ทำให้วิถีชีวิต การงานดีขึ้น  หลายคนแบ่งปันความรู้  เทคนิควิธีการแก้ไขปัญหา เป็นวิทยาทานแก่ผู้อื่น  นับว่าน่าอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง

                  พร้อมกันนี้  ก็มีเพื่อนๆ  ของเราอีกหลายท่าน  ได้ส่งข้อความยืนยันผลสำเร็จอันน่ายินดี  มาสารภาพ  เพื่อยืนยันผลสำเร็จนั้นด้วย

                  “.ลูกดื้อ ทำให้เสียใจบ่อยๆ โดยเฉพาะการพูดจาให้กระเทือนใจ และการใช้จ่ายเงิน ท่านแนะนำให้ไปขออโหสิกรรมกับพ่อแม่  ทุกวันนี้สบายใจ ไม่ทุกข์เหมือนก่อนแล้วค่ะ.”  

—–   บุญเรือน  ประเสริฐลาภ

                  “.เมื่อก่อนมีภาระหนักมาก มีแต่หนี้สิน  ท่านแนะนำให้ไปขออโหสิกรรมแม่  ทุกวันนี้การค้าขายดีขึ้น ภาระหนี้สินเบาบางลง ไม่ทุกข์ร้อนเหมือนก่อนแล้วค่ะ.“  

—–   จิราวรรณ  ฉายารัตน์

                  “.แต่ก่อนไม่เคยคิดเลยว่ากรรม (การกระทำ) ที่ได้ทำไว้จะมีผลอันละเอียดอ่อนถึงปานนี้ เมื่อมาได้สนทนากับท่านจึงได้มีปัญญาที่จะมองอะไรได้ลึกซึ้ง และละเอียดยิ่งขึ้น นับแต่นี้คงจะต้องระมัดระวังยิ่งๆ ขึ้นไป.”  

—–    โสภิต  ชลวิชิต (ตุ๊)

                  “.เมื่อก่อนมีแต่ภาระหนี้สิน ท่านแนะนำให้ไปขอขมาแม่ ทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร ทำบุญให้กับลูกที่แท้ง  ทุกวันนี้ก็มีชีวิตที่ดีขึ้น ค้าขายก็คล่อง ภาระหนี้สินก็เบาบางลง ทุกข์ก็คิดดีทำดี.”  

—–   วรัญญา  อินทนุ 

                  “.ประกาศขายที่ดิน เมื่อไหร่ก็ไม่ได้ขาย ทั้งๆ ที่บ้านสวยงามมาก แต่พอคนจะซื้อและวางมัดจำแล้ว ก็ทำให้คนที่จะซื้อไม่สบายทั้งครอบครัว ท่านแนะนำให้เอาดินที่จะขายมาถวายวัด  จากนั้นไม่ถึง ๓ วัน ก็ขายบ้านได้ทันที ตอนนี้ก็สวดมนต์ตามที่ท่านสอน ชีวิตดีขึ้น.” 

—–   นางกนกกร  เดชอูป (กาบุตร)

                  “.แต่ก่อนมีปัญหาในครอบครัว ลูกป่วยบ่อย เก็บเงินไม่อยู่ พอได้ทำตามคำแนะนำก็ดีขึ้น ลูกหายป่วย การเงินก็เริ่มดีขึ้น ครอบครัวมีความสุข.”

—–   มะลิสา  ธิโน

                  “.เคยสาปแช่งผู้คนไว้มากมาย ท่านแนะนำให้ไปขออโหสิกรรมต่อหน้าพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาก็ดีขึ้น  มีปัญหาหนี้สินเยอะมาก ท่านแนะนำให้ไปขอขมาพ่อแม่ ต่อมาชีวิตก็ดีขึ้นมาก หนี้สินลดลง  เมื่อรู้ว่ามีสิ่งของที่ไม่ดีในบริเวณบ้าน ท่านก็แนะนำให้เอาน้ำล้างบาตรไปโปรยบริเวณบ้าน  ต่อแต่นั้นมาชีวิตดีขึ้นมาก บ้านอยู่เย็นเป็นสุข ทำมาค้าขายดีมาก.”

—–   น.ส.นาตยา  จันทร์ฉาย

                  “.ท่านแนะนำให้นำสิ่งดีๆ ไปปฏิบัติหลายอย่าง ทำให้ทราบถึงแนวทางในการดำรงชีวิต  ซึ่งปัจจุบันหลังจากที่ได้นำข้อคิดไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันแล้ว รู้สึกว่ามีสติในการคิด ตัดสินใจ และไม่ใจร้อนเหมือนที่ผ่านมา หวังว่าคงประสบกับสิ่งดีๆ ในชีวิตตลอดไป.”

—–   นายสุรินทร์  โชตินันท์

                  “.ท่านสอนให้อุทิศบุญ  เพื่อบันดาลผลสำเร็จในชีวิต   และให้ขอขมาเจ้ากรรมนายเวร  เมื่อได้ทำตามแล้ว  ชีวิตก็ดีขึ้นตามลำดับ.”

—–   จินตนา  หลวงมูล

                  “.ทำงานเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษา มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานในที่แห่งใหม่ การทำงานมีอุปสรรคด้านการขาดความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ไม่ราบรื่น ขอความช่วยเหลืออะไรก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ หงุดหงิดไม่มีความสุขในการทำงาน ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำแล้ว ก็ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายดีมาก มีความสุขในการทำงาน 

                  …ครอบครัวไม่ค่อยมีความสุข พ่อ แม่ ลูก แตกแยกกัน ไม่เข้าใจกัน ลูกไม่ประสบผลสำเร็จในการเรียน ได้ทำพิธีขอขมาต่อพ่อแม่ ๗ ครั้ง แล้วทุกอย่างก็ดีขึ้นเป็นลำดับ.”  

—–   นายธนาชัย  บุตรศาสตร์

                  “.บอกขายที่ดินมาหลายปี  แต่ไม่ได้ราคาตามที่ต้องการ  คนซื้อเปลี่ยนใจบ่อย  เมื่อได้นำดินที่แปลงนั้น  มาถวายร่วมในพิธีทานใช้ทานแทนแล้ว  เพียงครึ่งเดือนก็มีผู้มาขอซื้อเอง ตามราคาที่ต้องการ  และสุขภาพการงานก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก มีกำลังใจในการทำบุญมากขึ้น.”  

—–   น.ส.สมหมาย  ทองบ่อ

                  “.เมื่อก่อนจะทำอะไรก็ไม่สำเร็จ พอได้ทำบุญอุทิศให้แก่ญาติและเจ้ากรรมนายเวร  และได้ขอขมาต่อพ่อแม่แล้ว ทำให้หน้าที่การงานที่ทำสำเร็จได้ไว ชีวิตเป็นสุขขึ้นเป็นลำดับ.”  

—–   นางกุณณิศา  บุตรศาสตร์

                  “.แต่ก่อนจิตใจรุ่มร้อน มีความรู้สึกเหมือนมีอะไรทับถมอยู่ในใจ เมื่อทำตามที่ท่านแนะนำ จิตใจก็สงบเยือกเย็นลงได้ ความรู้สึกอึดอัดตันใจที่เคยมีก็หายไป ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่รู้สึกโล่ง รู้สึกเบา ทั้งกายและใจ.”  

—–   ชลธาร  ชลวิชิต

                  “.แรกๆ ข้าพเจ้ามีปัญหาด้านการค้าขาย มีคนกลั่นแกล้ง ได้มาปรึกษากับท่าน   ท่านว่าเป็นเวรกรรมแต่เก่าก่อนที่เคยสร้างไว้กับพ่อแม่  ท่านแนะนำให้ขอขมาต่อพ่อแม่  หลังจากนั้นมาข้าพเจ้าก็หมดปัญหา ทำมาค้าขายได้ดีตลอดมา.”

—–   นิตยา  บุตรละคร

                  “.ท่านสอนให้อุทิศบุญ และได้ร่วมพิธีทำบุญทานใช้ทานแทน ๑ ครั้ง ช่วงระยะเวลานั้น ผมได้ประสบกับเหตุไม่ดี โดยกลุ่มวัยรุ่นประมาณ ๑๐ คนรุมทำร้ายหวังชิงทรัพย์ โดนไม้ตี นิ้วมือหัก ปากแตก ฟกช้ำไปทั่วตัว ได้ใช้การอุทิศบุญเข้ารักษา อาการหายเร็วมากอย่างไม่คาดคิด เจ้านายให้ความสนิทไว้วางใจ เหมือนเราคือญาติคนหนึ่ง และในช่วงที่มีการปรับอัตราเงินเดือน ได้เพิ่มเงินเดือน+ค่าตำแหน่ง สูงกว่าที่เราคิดไว้.”  

—–   ทองพูน  พินิจด้วง

                  “.วันหนึ่ง ข้าพเจ้าได้รับฟังคำแนะนำ ในการแก้ไขปัญหาชีวิตข้าพเจ้าก็ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำทุกอย่าง  พร้อมทั้งปฏิบัติธรรมไปด้วย  หลังจากนั้นไม่นาน  ทุกปัญหา ทุกด้านในชีวิตก็คลี่คลาย และดีขึ้นเรื่อยๆ.”  

—–   บัวจันทร์  วรรณภิระ

                  “.ข้าพเจ้ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ เนื่องจากป่วยด้วยโรค SLE (โรคพุ่มพวง) อาการของโรคกำเริบหนักหลังจากคลอดบุตร มีอาการอักเสบที่ไต  มีปัญหาเกี่ยวกับเลือด  และตาพร่ามัว  ไม่สามารถอ่านเขียนหนังสือได้  ทำให้ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหลายครั้ง ครั้งละหลายวัน  ร่างกายอ่อนแอ จนแพทย์ต้องบอกให้ญาติทำใจว่าข้าพเจ้าอาจไม่รอดชีวิต 

                  ขณะที่พักรักษาตัวครั้งสุดท้ายนั่นเอง  ท่านได้สอนวิธีการอุทิศบุญและการเบิกบุญมาใช้ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามทุกวันมิได้ขาด  ในที่สุดอาการเจ็บป่วยก็ทุเลาขึ้นเป็นลำดับ  จนสามารถออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้านได้  ขณะพักรักษาตัว ข้าพเจ้าก็ยังคงทำตามที่ท่านสอนไม่ได้ขาด  ร่างกายก็แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ  

                  ปัจจุบัน ข้าพเจ้าสามารถกลับมาประกอบอาชีพได้ตามปกติ ข้าพเจ้าเชื่อว่า สิ่งที่ท่านได้สอนนั้นมีส่วนช่วยให้ข้าพเจ้าพ้นจากบาปเคราะห์ครั้งนั้นมาได้.”   

—–   ศีลธรรม  เริงพิทักษ์

ภาคผนวก คำอธิษฐานในพิธีทานใช้ทานแทน 

คำอธิษฐานใช้หนี้เกี่ยวกับที่ดินวัด

                  ข้าพเจ้าขอนำดินจากที่บ้าน ที่สวน ที่นา  มาทำบุญใช้หนี้เก่า  ที่ตัวข้าพเจ้า   และครอบครัว ญาติมิตร ตลอดทั้งบรรพบุรุษวงศ์วาร  ทุกเชื้อทุกสาย ที่ได้เคยรุกล้ำ ล่วงเกิน  ในที่วัด  ที่ธรณีสงฆ์   ตั้งแต่  ภพชาติใดๆ ก็ตาม   ในชาตินี้ก็ตาม  ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ  ทั้งที่จำได้และจำไม่ได้

                  ด้วยการแก้ไขในครั้งนี้  ขอบาปเคราะห์และเวรภัย  จงสูญสิ้นไป  จากปวงข้าพเจ้าด้วย  เถิด…….

คำอธิษฐานใช้หนี้เกี่ยวกับที่ดินคนทั่วไป

                  ข้าพเจ้าขอนำดินจากที่บ้าน ที่สวน ที่นา  มาทำบุญใช้หนี้เก่า  ที่ตัวข้าพเจ้า   และ ครอบครัว  ญาติมิตร ตลอดทั้งบรรพบุรุษวงศ์วาร     ทุกเชื้อทุกสาย  ที่ได้เคยรุกล้ำ ล่วงเกิน ในที่ดินอันเป็นที่อยู่ ที่หวงแหน ของผู้อื่น  ตั้งแต่ภพชาติใดๆ ก็ตาม    ในชาตินี้ก็ตาม   ทั้งที่ตั้งใจ  และไม่ได้ตั้งใจ  ทั้งที่จำได้และจำไม่ได้

                  ด้วยการแก้ไขในครั้งนี้  ขอบาปเคราะห์และเวรภัย  จงสูญสิ้นไป  จากปวงข้าพเจ้าด้วย  เถิด…….

คำอธิษฐานใช้หนี้เกี่ยวกับที่ดินของสัตว์ทั้งหลาย

                  ข้าพเจ้าขอนำดินจากที่บ้าน ที่สวน ที่นา  มาทำบุญใช้หนี้เก่า   ที่ตัวข้าพเจ้า  และ ครอบครัว  ญาติมิตร ตลอดทั้งบรรพบุรุษวงศ์วาร     ทุกเชื้อทุกสาย  ที่ได้เคยรุกล้ำ ล่วงเกิน ในที่ดินอันเป็นที่อยู่ ที่หวงแหน ของสัตว์ทั้งหลาย  ตั้งแต่ภพชาติใดๆ ก็ตาม  ในชาตินี้ก็ตาม ทั้งที่ตั้งใจ  และไม่ได้ตั้งใจ  ทั้งที่จำได้และจำไม่ได้

                  ด้วยการแก้ไขในครั้งนี้  ขอบาปเคราะห์และเวรภัย จงสูญสิ้นไป  จากปวงข้าพเจ้าด้วย  เถิด…….

คำอธิษฐานใช้หนี้เงินและสิ่งของของวัด

                  ข้าพเจ้าขอนำเงินและสิ่งของนี้ มาทำบุญใช้หนี้เก่า ที่ตัวข้าพเจ้า  และครอบครัว ญาติมิตร ตลอดทั้งบรรพบุรุษวงศ์วาร ทุกเชื้อทุกสาย ที่ได้เคยทำผิดเกี่ยวกับข้าวของ  เงินทอง  และทุกสิ่งทุกอย่างของวัด  ด้วยประการต่างๆ ตั้งแต่ภพชาติใดๆ ก็ตาม   ในชาตินี้ก็ตาม  ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ทั้งที่จำได้และจำไม่ได้

                  ด้วยการแก้ไขในครั้งนี้  ขอบาปเคราะห์และเวรภัย  จงสูญสิ้นไป   จากปวงข้าพเจ้าด้วย  เถิด…..

คำอธิษฐานใช้หนี้เงินและสิ่งของ ของคนทั่วไป

                  ข้าพเจ้าขอนำเงินและสิ่งของนี้ มาทำบุญใช้หนี้เก่า  ที่ตัวข้าพเจ้า และครอบครัว   ญาติมิตร ตลอดทั้งบรรพบุรุษวงศ์วาร ทุกเชื้อทุกสาย ที่ได้เคยหยิบยืม คดโกง ลักขโมย  ปล้นจี้ หลอกลวง ผิดคำพูด คำสัญญา  หรือด้วยประการอื่น ๆ  ตั้งแต่ภพชาติใดๆ ก็ตาม  ในชาตินี้ก็ตาม  ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ  ทั้งที่จำได้และจำไม่ได้

                  ด้วยการแก้ไขในครั้งนี้  ขอบาปเคราะห์และเวรภัย จงสูญสิ้นไป  จากปวงข้าพเจ้าด้วย  เถิด…….

คำอธิษฐานใช้หนี้เงินและสิ่งของ ของสัตว์ทั้งหลาย

                  ข้าพเจ้าขอนำเงินและสิ่งของนี้ มาทำบุญใช้หนี้เก่า ที่ตัวข้าพเจ้า  และครอบครัว  ญาติมิตร ตลอดทั้งบรรพบุรุษวงศ์วาร ทุกเชื้อทุกสาย  ที่ได้เคยทำผิดต่อทรัพย์สิน   สิ่งของ   ตลอดทั้ง   เลือด   เนื้อ    ชีวิต    ของสัตว์ทั้งหลาย    ตั้งแต่ภพชาติใดๆ ก็ตาม    ในชาตินี้ก็ตาม   ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ  ทั้งที่จำได้และจำไม่ได้

                  ด้วยการแก้ไขในครั้งนี้  ขอบาปเคราะห์และเวรภัย  จงสูญสิ้นไป   จากปวงข้าพเจ้าด้วย  เถิด…..

โพสท์ใน หนังสือธรรมะ | ใส่ความเห็น

หนังสือ เล่ม 3 คำสารภาพ (ตอนที่ 4)

๒๑. พิธีทานใช้ทานแทน

ทานใช้  หมายถึง  การทำบุญชดใช้หนี้สินเก่าของตัว ที่เคยทำมาตลอดอดีตชาติอันยาวนาน  จนถึงปัจจุบันวันนี้   ทานแทน  หมายถึง  การทำบุญชดใช้หนี้สินเก่าให้แก่ญาติ  บรรพบุรุษของเราทุกชั้น  ทุกเชื้อ  ทุกสาย  เป็นการใช้หนี้แทนท่านเหล่านั้น  เพื่อจะได้หมดห่วง  หมดบาป  ไปผุดไปเกิดได้

มูลเหตุที่ต้องทำพิธีทานใช้ทานแทน  ด้วยต้นเดือนตุลาคม  พ.ศ.  ๒๕๕๔  มีผู้ตกทุกข์กลุ่มหนึ่งได้ขอร้องให้ทำบุญใช้หนี้ให้ด้วย  เพราะไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้  ต้องนอนกลางดินกินกลางทราย  ตากแดด  ตากฝน  มายาวนานหลายร้อยปี

เขาบอกว่า  พวกเราเป็นต้นตระกูลของคนเหนือ  คนหลายเผ่าพันธุ์  ล้วนเกี่ยวข้องแตกสาขาไปจากกลุ่มนี้..  เมื่อ  ๑,๐๐๐ ปีก่อน  อาณาจักรนี้  ครอบคลุมพื้นที่  ๓  จังหวัด  คือ  เชียงใหม่  ลำพูน  ตาก  ได้ปกครองทำกินและขยายอาณาจักรสืบมา  ชีวิตจึงมีทั้งบุญและบาป

บาปนั้นเกิดจากการสู้รบกัน  ปิดล้อมหมู่บ้านยึดแดนบ้านแดนไร่นาเขา  อันถือเป็นการทำร้าย  ปล้นชิง  ยึดทรัพย์สินของผู้อื่น  อีกทั้งวางเพลิง  เผาทำลายบ้านเมืองเหล่านั้น  ยึดเอาทรัพย์สินมาปูนบำเหน็จ  แจกแบ่งกัน  ตามแบบผู้ชนะ

ทำให้ต้องมาเกิดเป็นผีที่ไร้บ้านไร้เรือน  ต้องนอนกับพื้นดิน  ตามลานหินขรุขระบนภูเขา  หาที่เอียงๆ นอนเพื่อเวลาฝนตกน้ำจะได้ไหลผ่านตัวไป  ในมิตินี้ไม่มีต้นไม้ให้อาศัย  ต้องตากแดด  ตากฝนกันทั้งเด็ก  ผู้ใหญ่  เปียกเอง  แห้งเอง  ไม่ค่อยมีเสื้อผ้าปกปิดร่างกาย  เวลาร้อนก็ต้องทน  เวลาหนาวก็ต้องทนเอา ไม่มีการหุงหาอาหาร  ไม่มีการก่อไฟ  อดอยากหิวโหย  ต้องนั่งๆ  นอนๆ  อย่างนี้  ไปไหนมาไหนไม่ได้  อากาศก็มืดมัว  เป็นหมอกควัน  เห็นหน้ากันไม่ชัดเจน  นี้เพราะกรรมที่ได้ปิดล้อมทางเข้าออก  ยึดและเผาหมู่บ้านอื่น

หมู่หนึ่งบอกว่า  เป็นหนี้ด้วยเงินทอง  ที่ลักขโมยบ้าง  ปล้นชิงบ้าง     ยืมแล้วยังไม่ได้ใช้คืน ตัวเองมาตายเสียก่อน   บางคนเจ้าหนี้ตายก่อน  จึงต้องค้างกันอยู่อย่างนี้   บางคนเป็นแม่ทัพนายกอง  รบชนะก็ได้เงินทอง  ข้าทาสเป็นรางวัล  เท่ากับปล้นแล้วยังขูดรีดแรงงานเขาด้วย  ขู่เข็ญ ลงโทษเฆี่ยนตีเขาให้เจ็บให้ตาย  ไม่สนใจว่าจะเป็นบาปกรรม

หมู่หนึ่งบอกว่า   ได้รุกล้ำเอาที่ไร่ที่นาเขา  จึงต้องมาอยู่ที่นี่  แม้ลูกเมียพี่น้องที่ได้เคยอยู่  ได้ใช้  เคยได้กิน  กับที่ดินผืนนั้น  ก็ติดบาปกรรมเป็นหนี้  มาเป็นผีอยู่ด้วยกัน  ไม่มีที่อยู่อาศัย  ต้องพาลูกเมียมานอนบนดินผสมหิน  ตากแดด  ตากฝน  มายาวนานนับได้   ๘๐๐  ปีแล้ว

หมู่หนึ่งบอกว่า  เป็นหนี้กับเก้ง..?  ถามว่า เก้งมันมีเงินให้ยืมหรืออย่างไร?  คือว่า  พวกเราเป็นนายพรานเข้าป่าล่าสัตว์  เมื่อล่าสัตว์ได้  เช่น  เก้ง  กวาง  หมูป่า  เป็นต้น  ได้นำมากินแกล้มเหล้าบ้าง   เอาไปขายเอาเงินซื้อเหล้ามากิน  ซื้อฝิ่นสูบ  บางคนเอาไปเล่นการพนัน  ไม่ได้เอาไปกินเพื่อทำงาน  หรือเลี้ยงดูพ่อแม่ลูกเมีย

ถามว่า  ถ้าดังนั้น  ทุกคนที่ฆ่าสัตว์  หาปู  หาปลา  ก็ต้องเป็นหนี้อย่างนี้ทุกคนนะสิ?  เปล่าหรอกครับ  จะเป็นหนี้เฉพาะผู้ที่เอามากินเล่นสนุกเฮฮาเท่านั้น  ส่วนผู้ที่นำมาเลี้ยงดูพ่อแม่  ลูกเมีย   หรือกินให้เกิดเรี่ยวแรงทำงานนั้น  เป็นแต่บาปอย่างเดียว  ไม่ต้องเป็นหนี้เวร

เพราะอะไรหรือ?  เพราะพวกนั้นทำตามหน้าที่  และถูกต้องตามหลักคำสอนของศาสนา  ที่ว่าคนเรามีหน้าที่เลี้ยงพ่อแม่  ลูกเมีย  ถ้าไม่เชื่อให้ท่านไปเปิดหนังสือเรื่องทิศ  ๖  ดูก็ได้

ถามว่าคนทั้งหลายเขาทำบุญอุทิศให้เปรตญาติ  และบรรพบุรุษอยู่ทั่วภาคเหนือ  พวกท่านไม่ได้รับหรือ?

พวกเราได้แค่รู้ว่ามีการทำบุญ  เห็นแสงสว่างวาบขึ้นแล้วก็หายไป  เหมือนฟ้าแลบ  แวบๆ  อยู่ใกล้สุดขอบฟ้าโน้น..  ถามว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น..  เพราะกรรมปิดบังไว้  และมิติยังไม่ได้เปิดให้รับบุญ  บาปมันหนักเลยรับบุญไม่ได้  ต้องทนทุกข์ทรมาน

ถามว่ามีอยู่เท่าไร  และจะให้ทำอย่างไรจึงจะช่วยเหลือได้  เพราะเราไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน  รู้แต่ว่าทำบาปก็ใช้บาป  หรือจองเวรกันไป  ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเป็นหนี้  จนรับบุญไม่ได้  แถมญาติพี่น้องก็ต้องมาพลอยรับทุกข์  ทรมานร่วมกันขนาดนี้

พวกเขาบอกว่า  เฉพาะบริเวณนี้ประมาณสองหมื่น  ถ้ารวม  ๓  จังหวัดก็ประมาณ แสนเศษ  ขอให้ท่านทำพิธีทานใช้ทานแทน  ดังที่หลวงปู่ครูบาวงศ์ได้พาทำ    (หลวงปู่ครูบาวงศ์   พระครูชยวงศาพัฒนา   วัดพระ-พุทธบาทห้วยต้ม  อ.ลี้  จ.ลำพูน)  พวกเราก็จะได้รับผลบุญและพ้นทุกข์ได้..  ไม่เคยทำจะให้ทำอย่างไร?  ขอให้ท่านไปเปิดดูในหนังสือประวัติ  หลวงปู่ได้เขียนวิธีทำไว้ด้วยลายมือของท่านเอง  (เมื่อค้นคว้า ก็พบลายมือหลวงปู่เขียนเล่าเรื่องเหล่านี้ไว้จริง.)

ถามว่าแล้วแต่ก่อน  หลวงปู่ท่านพาชาวบ้านทำพิธี  ทำไมพวกท่านไม่ได้รับ..?  ตอบว่า  พวกเรารับรู้  เห็นแต่แสงสว่างวาบไกลๆ  เหมือนเขาจุดพลุ  สว่างวาบขึ้นท้องฟ้าแล้วหายไป  แต่เพราะกรรมหนักด้วย  มิติยังไม่เปิดด้วย  และยังติดต่อญาติเพื่อทำพิธีให้ไม่ได้

เมื่อได้พบกันแล้ว  ขอจงช่วยพวกเราก่อนเถิด  เพราะถ้ามัวช้ามิติปิด  จะรับผลบุญไม่ได้  คงต้องรออีกหลายร้อยปี  มิติจึงจะเปิดอีก  และขอยืนยันด้วยชีวิตว่า  ถ้าได้ทำบุญใช้หนี้ ให้พวกเรา  จะเอาโชคลาภ  เงินทองเท่าไรก็ได้  สงสัยจึงถามว่า  ทำไม?

เพราะชีวิต  สายเลือด มันสัมพันธ์กัน  เป็นกรรมทายาท สืบต่อกันไป  หากญาติในอดีตชาติมีหนี้สิน  ตกทุกข์ได้ยาก  พวกลูกหลานในปัจจุบันก็ได้รับผลกระทบไปด้วย    ท่านลองคิดดู  เมื่อเขามาตามทวงเอากับพวกเราไม่ได้  ก็ตามทวง  ตามจองเวรไปตามลำดับสายเลือด  จากจำเลยที่หนึ่ง  สอง  สาม  สี่  ไปเรื่อยๆ  จนถึงลูกหลานปัจจุบัน  ซึ่งอาจเป็นจำเลยที่ ๑๐๐ ก็ได้  นี้คือกรรมทายาท  (การสืบสายกรรมตามสายเลือด)

แต่ถ้าญาติบรรพบุรุษ  พ้นทุกข์เข็ญ  ไปเกิดในที่สุขสบาย  มีสมบัติทิพย์ มีปราสาทวิมานอยู่  ลูกหลานในปัจจุบันก็จะพ้นเคราะห์  เกิดโชคลาภวาสนาเช่นเดียวกัน  ขอให้ท่านไปอ่านในหลักธรรม  และคำที่หลวงปู่จารึกไว้เถิด  แล้วเร่งรีบช่วยพวกเราด้วย

(ที่พวกเขาเห็นสว่างวาบแล้วหายไปนั้น  คือ  แสงบุญที่เกิดขึ้น  ในบริเวณจัดงาน  แต่คนทั้งหลายมัวดีใจว่าได้ทำบุญ  จนลืมอุทิศไปให้เปรตญาติ  บุญจึงวาบไปสวรรค์เข้าบัญชีตัวเองเสียหมด  เหล่าญาติจึงไม่ได้รับ เป็นเครื่องยืนยันว่า   บุญนั้นหากทำแล้วไม่อุทิศ  เหล่าญาติไม่ได้รับแน่นอน  และหากอุทิศไม่ถูกจังหวะเวลา  ก็ไม่ได้รับเช่นกัน)

เอาหล่ะหวา

เมื่อตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับ  ก็ตรงกับหลักธรรมและหลักฐานทางชาติพันธุ์   การประมวลงานจึงเกิดขึ้น  เพียงแต่ปรับเปลี่ยนให้กระชับเข้ากับยุคสมัย    แต่ยังคงไว้ซึ่งเนื้อหาสาระ  อันเป็นแก่นแท้ของพิธี  ดังที่หลวงปู่ครูบาวงศ์  วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม  อ.ลี้  จ.ลำพูน  จารึกไว้ทุกประการ

เมื่อแจ้งข่าวพิธี    ได้มีผู้มาร่วมงานจำนวนมาก    ผลสะท้อนจากเหล่าญาติบรรพบุรุษต่างมิติ   ก็แจ้งกลับมาชัดเจนว่า  ถูกต้อง  แก้ไขใช้หนี้ให้พวกเขาได้ดังประสงค์ ในส่วนลูกหลานในปัจจุบัน ก็มีผลสำเร็จ  โชคลาภ  ตามคำยืนยันของพวกเขาเหล่านั้นจริงๆ  เรียกว่า  อยู่ดีมีสุข  พร้อมหน้ากันทั้งคนทั้งผี

ด้วยสำนึกในพระคุณนี้    ลูกหลานจึงขอไหว้สาบารมีของพระครูบาวงศ์  ขออนุญาต แทบเท้าเรียบเรียงขั้นตอนพิธี  เพื่อเป็นความรู้  และหลักปฏิบัติสืบต่อไป  เป็นการประกาศเกียรติคุณพระครูบา  และสงเคราะห์อนุเคราะห์แก่ทุกภพทุกภูมิ

การใช้หนี้เกี่ยวกับที่ดิน

ให้นำดินมาจากที่บ้าน  ที่สวน ที่นา  ฯลฯ  ขุดเอาตรงไหนก็ได้  เอาที่ละประมาณ  ๑  ถัง (ขนาด  ๑๐-๑๕ ลิตร)  มี  ๓  แปลงก็เอามา ๓ ถัง  เมื่อตักดินใส่ถังเสร็จ  ก่อนยกออกจากพื้นที่ให้จับขอบถังแล้วพูดว่า  “ขอเชิญผู้ที่สถิต  เกี่ยวข้อง  ผูกพันกับที่ดินผืนนี้  ไปทำบุญกับลูกกับหลานด้วยเถิด”  จากนั้นนำดินมาเข้าพิธี  (ผู้ใดที่มีปัญหาที่ดินล้ำแดนกัน  ปลูกบ้านทับที่คนอื่น  ทับที่วัดเก่า  ขายไม่ออก  ติดหนี้แบ็งค์  แบ่งมรดกไม่ลงตัว  เมื่อนำมาทำพิธีแล้ว  จะแก้ไขได้เร็ว)

สำหรับผู้ที่บ้านเป็นปูนทั้งหมด ไม่มีบริเวณ หรือผู้อาศัยบ้านเช่า บ้านหลวง อยู่แฟลต อยู่คอนโด เป็นต้น  ให้ท่านไปซื้อดินมาเก็บไว้ในที่พักของท่าน อย่างน้อยหนึ่งคืน เพื่อให้เกิดความผูกพันว่าเป็นดินของเราเอง  หรือผู้ที่บ้านอยู่ต่างถิ่น ไม่สามารถกลับไปเอาได้ ก็ซื้อดินมาเก็บไว้เช่นกัน โดยให้ตั้งใจว่าดินนี้เป็นตัวแทนของดินที่อยู่ต่างถิ่นนั้น และถ้ามีญาติพี่น้อง พ่อแม่อยู่ทางโน้น ให้โทรฯ บอกกล่าวให้รับรู้ด้วย หรือเปิดเสียงขณะทำพิธีส่งไป เพื่อการมีส่วนร่วมก็ได้

เมื่อมาถึงวัด ให้นำดินไปเทยังจุดที่จัดไว้ให้  ซึ่งจะมี  ๓  จุดเรียงลำดับจากซ้ายไปขวา  คือ  จุดที่ ๑.ใช้หนี้เกี่ยวกับที่วัดที่ธรณีสงฆ์  จุดที่ ๒.  ใช้หนี้เกี่ยวกับที่ดินของคนด้วยกัน    จุดที่ ๓.ใช้หนี้เกี่ยวกับที่ดิน  ที่อยู่อาศัย  หวงแหน  ของสัตว์ทั้งหลาย

เพื่อใช้หนี้กับที่ดินเหล่านี้

๑. ที่วัดที่ธรณีสงฆ์ใด  ที่ตัวเราหรือเหล่าญาติบรรพบุรุษ  ได้เคยบุกรุก  แผ้วถางเอามาเป็นสมบัติของตน  ปลูกบ้านทับซ้อนวัดเก่า  จะด้วยเจตนาหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม  เพราะบางคนซื้อที่ดินมา  บางคนรับมรดกตกทอดมา  บางแห่งมีซากอิฐเก่า เจดีย์เก่า    คนเราก็ไถบ้าง  ถมบ้างตามเรื่อง  เช่นในภาคเหนือ  จะเห็นเจดีย์เก่า  กองอิฐเก่า   อยู่ตามสวนลำไยหลายแห่งมาก  คนที่เกี่ยวข้องทำกิน  ก็เจ็บป่วย  มีอันเป็นไปต่างๆ

แต่วัดก็คือวัด  จะเก่าแก่ชราภาพจนหาหลักฐานไม่เจอ    มันก็คือวัดอันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ตลอดไป  เห็นมีซากอิฐเก่าอยู่จุดเดียว  แต่อย่าลืมว่าอาณาบริเวณมันกว้างนะ  บางวัดก็  ๓  ไร่  ๕  ไร่ ๒๐ – ๓๐ ไร่ก็มี  เมื่อทำกินอยู่บนนั้น  มันจึงมีเหตุการณ์แปลกพิลึกเกิดขึ้นได้เสมอ  บางคนเจ็บป่วยไม่หาย  ล้มละลาย  ที่หนักคือตายยกครัว  เพราะบ้านมันทับที่โบสถ์  ที่เจดีย์เข้าให้  มาถึงขั้นนี้แล้วจะย้ายหรือขายหนีก็จนปัญญา  เลยต้องแก้ไขผ่อนผันด้วยวิธีนี้

๒. ที่ดินของคนทั่วไป    ที่ตัวเราหรือญาติบรรพบุรุษได้เคยล่วงล้ำกัน  บางคนเวลาทำนา  ทำสวนก็ขุดไถเอาเขตแดนกัน  ได้ดินมาปลูกข้าว  ปลูกพริกได้  ๕  ต้น  ๑๐ ต้นก็ดีใจ  แต่หารู้ไม่ว่ามันไม่จบแค่นั้น  ตายไปจะได้มาเป็นเปรตยืนตากแดด  ตากฝน เฝ้าที่แปลงนั้น

แค่นั้นยังไม่พอ  ข้าว ๕ ต้น ๑๐ ต้นนั้น   เมื่อนำไปกินไปขาย   สิ่งที่ได้มาคือความซวย  ป่วยไข้ไม่รู้หาย  กินอะไรก็แพ้  เบื่ออาหาร  เลือดจาง  เลือดเป็นพิษ  ถูกผ่าตัด  เอานั่นเอานี่ออกแทบหมดตัว   เงินก็หมดไปทุกวัน  ขนาดนั้นคนเรายังไม่รู้สึกตัวเลยนะ  อ้างแต่ว่าฉันไม่เคยทำผิดอะไรกับเขา  ทำไมซวยจัง..

บางคนบุญทานการกุศลก็ทำเป็นประจำ  แต่ห้ามความอยากไม่ได้  โลภเอาที่เอาทางคนอื่นเป็นนิสัย  ตายแล้วไปเป็นเปรตใช้กรรม  แถมทิ้งมรดกบาปให้ลูกหลานรับช่วงต่อไป  นี้เป็นตัวอย่างจริงของคนที่เคยได้แนะนำแก้ไข

ถาม. หนูใจบุญสุนทานไม่เคยเอาเปรียบใคร  แต่ทำไมเป็นหนี้  จนหมดที่ดินคะ  ป่วยไม่ยอมหาย  ได้ผ่าตัดบ่อยมากค่ะ!..?

ตอบ. มันเป็นเศษกรรมจากแม่เธอที่เคยขัดแย้ง  เอาที่ดินมรดกของยาย  เธอเกิดที่นั้น โตที่นั้น   อาศัยกินข้าวปลาผลไม้ในที่ดินนั้น  เงินที่ส่งเรียนก็เอามาจากส่วนนั้นด้วย  แม้จะมาทำงานมีครอบครัวในต่างถิ่น  เศษบาปนั้นก็ยังมีผลอยู่ในวิถีชีวิต  เลยทั้งเหนื่อย  ทั้งเป็นหนี้อย่างที่เป็นอยู่  แก้ไขซะ  แล้วจะดีขึ้น

บางคนก็อย่างว่า  เคยเป็นนักรบ  ยึดบ้านเผาเมืองเขามา  เอาที่เอาทางเขามาเป็นบำเหน็จรางวัลแก่ตน  หรือได้รับความดีความชอบ  เป็นที่ดินเป็นเงินทองที่ยึดที่ปล้นเขามา  ทีนี้มรดกนั้นก็ตกทอดสืบลูกสืบหลาน เลยงานเข้าเต็มๆ   ผู้ที่ยักยอกเอาเงินหลวงไปซื้อที่ดินให้ลูกหลาน  ก็เตรียมใจกันไว้ได้เลย  มีลุ้นแน่

๓. ที่ดินของสัตว์ทั้งหลาย  ขุดดินก็เจอไส้เดือน  ถมดินก็ปิดรูมด  ไถที่เจอจอมปลวก  ตัดต้นไม้มดแดงแมลงทั้งหลายต้องย้ายถิ่น   ถมห้วยหนองคลองบึง  พวกปูปลาก็ไร้ที่อยู่  ไถถางเพื่อการปลูกสร้าง  การเกษตร  ก็เป็นการไล่ที่อยู่หากินของสัตว์  มันจึงเกิดเวรแก่กัน  นำมาซึ่งความเดือดร้อนแก่พวกเราได้

หนี้เกี่ยวกับเงินและสิ่งของ

เมื่อเข้าใจเรื่องที่ดินแล้ว  ก็มาถึงเรื่องเงินทอง  สิ่งของ ที่เคยยืม  เคยลักขโมยกันมา  สิ่งของต่าง  ๆ ให้นำมารวมกันในจุดเดียว  ไม่ว่าจะเป็นผลไม้   ของกิน   ของใช้   ถ้วยชาม  จานช้อน   ขวานมีดจอบเสียม   อะไรต่อมิอะไรที่นำมาเพื่อใช้หนี้  ให้นำมารวมไว้ในที่เดียวกัน   ส่วนอาหารการกินที่จะนำมาถวายพระสงฆ์  (เลี้ยงพระ)  ให้นำไปจัดเตรียม  ที่โรงครัวหรือโต๊ะที่จัดไว้

สำหรับเงินนั้น  จะมีพานตั้งอยู่  ๔  จุด  เรียงจากซ้ายไปขวาดังนี้

  • พานที่หนึ่ง   เพื่อใช้หนี้กับวัด
  • พานที่สอง   เพื่อใช้หนี้กับคน
  • พานที่สาม   เพื่อใช้หนี้กับสัตว์
  • พานที่สี่      เพื่อใช้หนี้ปัจจุบัน เสริมมงคลชีวิตด้วยการทำบุญค่าน้ำค่าไฟ

ทุกจุดมีคำอธิษฐานเฉพาะกิจ  ให้อธิษฐานเพื่อการใช้หนี้ตามป้ายที่ติดไว้ด้านหน้าพาน  อธิษฐานเสร็จจึงใส่เงินลงในพานนั้นๆ

 เพื่อแก้ไขหนี้เหล่านี้

๑. เงินก็ตาม  สิ่งของเครื่องใช้ก็ตามของวัด  เช่น  ถ้วย ช้อน จาน มีด  ขวาน  โต๊ะ  เก้าอี้  ที่นอน  หมอน  มุ้ง  ที่ตัวเราทุกภพทุกชาติ  ตลอดญาติบรรพบุรุษ ได้เคยทำผิดพลาดมา  บางคนเป็นเด็กวัดได้เคยกินใช้ของวัดโดยไม่ได้รับอนุญาต  บางคนโกงเงินวัด บางคนใช้อำนาจเหนือพระบริหารวัดเอง

บางคนทำของวัดแตกหักเสียหาย หรือยืมไปใช้แล้ว  พังเสียหายก็ทิ้งไปเลย  ไม่นำมาชดใช้คืน  บางคนเป็นกรรมการวัดคุ้นเคยกับพระ เลยทำตามอำเภอใจ  จะตัดต้นไม้  ย้ายอาคารก็ไม่ขออนุญาตเจ้าอาวาส  บางคนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ  ใช้อำนาจลบหลู่ทำการในวัดโดยพลการ  บางคนอาหารการกิน พระท่านฉันแล้วให้แจกแบ่งกันกิน ก็โลภมาก อันไหนดีอันไหนอร่อยก็เก็บใส่ถุงตัวเอง  ปากก็กินมือก็ขน

บางคนเก็บเงินวัดแต่เอาไปใช้จ่ายในเรื่องส่วนตัว สุดท้ายมั่วไม่รู้ว่าอันไหนเงินวัดเงินคน  บางคนหวังรวยกับวัด บอกว่าได้กฐินผ้าป่ามาฟรีๆ  เลยคิดราคาค่าจ้าง  แรงงานเอาเกินพอดี  บางคนออกคำสั่งใช้พระใช้เณร

ถาม. หนูทุกข์เหลือเกิน  ทำงานเลี้ยงลูก  พ่อตายได้ ๖ ปี  สามีก็ตาย  แม่ก็ป่วย  บางวันนั่งร้องไห้  มีโอกาสก็ทำบุญไม่เคยขาด  ปฏิบัติธรรม ช่วยโรงทาน  หนูเอาทั้งนั้น  แต่ไม่ดีขึ้นเลย  ได้นอนวันละ  ๓-๔  ชั่วโมง?

ตอบ.พ่อคุณเป็นกรรมการวัดหรือ? (ใช่ค่ะ)  ก่อนตายป่วยเดินไม่ได้  (ใช่ค่ะ เป็นมะเร็งลำไส้)  แม่เธอเดินไม่สะดวก  ขาไม่มีแรง (ใช่ค่ะ)  ครั้งหนึ่งที่วัดมีงาน  พ่อเธอสั่งตัดต้นมะพร้าวโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาส  แล้วยังเอามะพร้าวมาให้ลูกเมียกินด้วย  (อ๋อ..ใช่ค่ะ เอาหัวมะพร้าวมาแกง)

กรรมอันนั้นให้ผล  ปัจจุบันพ่อเธอเป็นเปรตนั่งอยู่ที่กองขยะริมกำแพงวัด ขยับตัวไม่ได้ เพราะถ้าขยับตัวใบมะพร้าวที่รองนั่งจะกลายเป็นหนามทิ่มแทง จึงต้องนั่งนิ่งๆ ตากแดด ตากฝนมาตลอด ๖ ปี เวลาเขาเทใบไม้  เทขยะก็โดนพ่อเธอทุกวัน  ด้วยกรรมผูกพันและวิญญาณขอส่วนบุญ  แม่เลยขาไม่มีแรงเหมือนวิญญาณพ่อ  เธอเองก็ปวดขาเป็นประจำ

ไปทำบุญใช้หนี้ให้พ่อเธอซะ  ถ้าบริจาคสร้างกำแพงวัด  ๑,๐๐๐  บาท  ก็ให้ตั้งเจตนาอย่างนี้คือ ๕๐๐ บาทแรกใช้หนี้ให้กับพ่อ  ๕๐๐ บาทหลังขออุทิศบุญให้กับพ่อ  ส่วนเธอกับแม่  ให้ทำบุญชำระหนี้สงฆ์บ่อยๆ  สิบบาท ยี่สิบบาท ก็ให้หยอดตู้ทำไปเรื่อยๆ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น จะมีคนดีๆ เข้ามาอุปถัมภ์

๒. เพื่อใช้หนี้เงินทอง สิ่งของของคนด้วยกัน  ที่ตัวเองและเหล่าญาติบรรพบุรุษได้เคยทำมาทุกภพทุกชาติ  เช่นยืมเงินแล้วไม่ได้คืน หรือคืนไม่หมด  คดโกง  ปล้นสดมภ์  ชิงทรัพย์  ตัดไม้ ทำลายรั้ว  ลักพืชผักผลไม้  ลักช้างม้าวัวควาย  ลักปลา  ลักไก่

แอบเผาไร่  เผานา เผารถ  เผาเรือ เผาบ้านเขา  ติดค้างค่าแรง  กดขี่แรงงานเขา จำพวกงานหนักเงินเดือนน้อย  วางยาพิษเบื่อหมา เบื่อปลาเขาให้ตาย  ทำนาใกล้กันลักข้าวกล้ากันก็มี  ลักรถ  ลักยาง  ลักน้ำมันบริษัทขายก็มี  ลักเงินเมียก็มี  เป็ดไก่เขามาหากินในเขตเราลักเอามาต้มกินก็มี  ไปงานบ้าน  งานบุญ  ช้อนจานเขาติดมาก็มี  ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้  ทั้งของหลวงของราษฎร์  ล้วนเป็นหนี้  ที่ปิดบังความเจริญของตนเองและครอบครัว  ไปอีกยาวนาน

ถาม. ที่บ้านผมป่วยบ่อยมาก  จนไม่มีเวลาทำมาหากิน  ลูกก็เริ่มเกเร?

ตอบ. พ่อคุณเป็นผู้ใหญ่บ้านหรือครู?  (เป็นผู้ใหญ่บ้านครับ)  เกี่ยวข้องกับเงินหลวง ไม่ได้โกงเงินนะ แต่โกงเวลา คือไม่ทำงานตามหน้าที่ตัวเอง  งานพัฒนาก็ไม่ทำ ขึ้นบ้านใหม่ งานแต่ง งานตายก็ไม่เห็นหน้าผู้ใหญ่บ้าน  ลูกบ้านเจ็บป่วยก็ไม่ไปส่ง  แต่รับเงินเดือนเต็ม  เอาเงินนั้นมาเลี้ยงดูลูกหลาน  ซื้อรถ  ส่งเรียน  ผลมันเลยมาสนองครอบครัวคุณ

ผู้ที่เป็นครู เป็นราชการอื่นๆ ก็ตาม หากใช้เวลาราชการนอกหน้าที่  ใช้รถราชการนอกขอบเขต ก็ติดหนี้  ครูบางคนเมาจนสอนหนังสือไม่ได้  บางคนไปลงชื่อแล้วหลบไปทำธุรกิจส่วนตัว แต่รับเงินเดือนเต็มขั้น  บางคนก็แต่งบัญชี  เปลี่ยนแปลงตัวเลข  ได้เงินมาแบ่งกัน  มีคนหนึ่งบอกว่า. “.หนูลาออกจากงานเก่า  เพราะกลัวบาปที่ต้องมานั่งแต่งบัญชีให้เขา.”  (โอ้ สต๊อกลมเจ้าเอ๋ย)

คิดแล้วมันไม่คุ้มหรอก เพราะลงท้ายลูกๆ ก็จะเริ่มผลาญทรัพย์ พ่อแม่อาจรอดตัว แต่ลูกๆ อาจต้องวนเวียนกับคุกกับตารางบ่อยๆ จนกลาย เป็นมิตรกับตำรวจ  ขึ้นลงโรงพักเป็นว่าเล่น บางคนไปผูกมิตรกับหมอ เข้าออกโรงพยาบาลเป็นงานประจำ  ฉะนั้นพึงระลึกและจดจำเอาไว้ว่า..ของฟรีไม่มีในโลกนะจ๊ะ..

หลายคนที่ทำมาหากินแล้วชอบขาดทุน มีรายจ่ายสิ้นเปลืองมาก  เมื่อตรวจดวงตามลายมือแล้ว  จะพบการเป็นหนี้เอาไว้ คือยืมเงินบ้าง  ยืมของบ้าง แต่ยังไม่ได้ใช้คืน เมื่อเวลาผ่านไป ห้าปี สิบปี กรรมนั้นจึงเริ่มให้ผล  เป็นเหตุให้ทำมาหากินขาดทุน

๓. ใช้หนี้ทรัพย์สิน  เลือดเนื้อ  ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย  ที่ตัวเราและเหล่าญาติบรรพบุรุษ  เคยฆ่า เคยเบียดเบียนไว้  จะเพราะความจำเป็นด้านการเลี้ยงชีพก็ตาม เพราะสภาพบังคับหรือความสนุกสนานก็ตาม  โดย เฉพาะผู้ที่ฆ่าสัตว์เพื่อความสนุกสนานเป็นเกมกีฬา เพื่อเป็นกับแกล้ม เพื่อขายเอาเงินมากินเหล้า  เล่นการพนัน  ไม่ได้ใช้เพื่อเลี้ยงพ่อแม่ ลูกเมีย  ไม่ได้กินเพื่อทำงาน  สร้างคุณประโยชน์

ย่อมได้รับโทษทัณฑ์มากกว่าที่คนฆ่าสัตว์โดยปกติ  และยังเป็นหนี้กับสัตว์เหล่านั้นอีกด้วย  เพราะพวกมันตายฟรี  ไม่เกิดประโยชน์  ไม่เป็นบุญแก่พวกเขา  ธรรมดาสัตว์ทั้งหลายที่ถูกฆ่า หากผู้ฆ่านั้นนำเนื้อไปเลี้ยงดูครอบครัว  สัตว์เจ้าของเนื้อนั้นย่อมตายเป็นประโยชน์  อีกทั้งเป็นบุญแก่เขาด้วย  จึงไม่ค่อยจองเวรมากนัก  เรียกว่าได้แต่บาปไม่เป็นเวรต่อกัน

แต่ถ้าตายฟรี  เอาเนื้อเขามากินเล่น หรือใช้เงินจากเนื้อเขามาใช้ในทางที่ผิด  อย่างนี้ได้ทั้งบาปทั้งเวร  อีกพวกคือพวกทรมานสัตว์  ดักสัตว์ให้ตายเน่าเสียคาเครื่องดัก  ตายทิ้งไปเปล่าๆ  ผู้ใช้แรงงานสัตว์อย่างระกำลำบาก  เลี้ยงสัตว์แบบอดอยาก   เฆี่ยนตี  ทำร้ายจนพิการ  ก็เช่นกัน

อย่าว่าแต่ทำเองเลย  เพียงแค่ดีใจกับความเจ็บปวด  ความทรมาน  ความฉิบหายล่มจมของผู้อื่นทั้งคนและสัตว์  คุณก็ได้เปอร์เซ็นต์บาปกับเขาแล้ว  มีส่วนร่วมในบาปกรรมนั้น จะต้องได้รับผลร้ายตามมาอย่างแน่นอน    ภาษาพระท่านเรียกว่า   “อนุโมทนาบาป”  เคยได้ยินกันบ้างไหม!

มันก็คู่กับอนุโมทนาบุญนั่นไง เห็นเขาบวชนาค เห็นเขาไหว้พระทำบุญ สวดมนต์ภาวนา  ดีใจกับเขาเรียกอนุโมทนาบุญ ได้ผลบุญไม่น้อยกว่า ๑๐%

แต่เห็นเขายกพวกตีกัน  ยิงแทงฆ่าฟันกัน  รวมทั้งการเชียร์มวยด้วย  ชอบใจจัดเป็น..อนุโมทนาบาป.  เพราะเป็นการกระตุ้นความโกรธ  และสะสมความรุนแรง   เป็นการเพิ่มอกุศลจิต  เป็นเหตุให้ความโลภ โกรธ หลง เพิ่มขึ้น ขัดขวางต่อความสุขความเจริญ  ทั้งชาตินี้และชาติหน้า

ดังนั้นไม่ว่า  ตีไก่  กัดปลา  กัดหมา  ชนวัว  หรือดีใจที่เห็นเขาฆ่าไก่  ฆ่าหมูมาแกง  แทงวัวมาลาบ  ผลมันก็จะตามมาเห็นๆ  ไม่จำเป็นด้วยว่าคุณจะอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ  หรือไม่!   หลายคนอ่านข่าว ดูทีวี แล้วสะใจกับความรุนแรงทั้งในและต่างประเทศ    ดีใจกับผู้ชนะเท่ากับดีใจกับสงคราม

โอ้โห! คนเราเลยต้องได้รับความซวยจากทางอากาศ  นับเป็นหายนะที่มองไม่เห็นตัว  ที่คุณเองก็คาดไม่ถึง  เป็นกรณีเดียวที่หมอดูไม่สามารถตรวจพบและแก้ไขให้ได้  ต้องรับกรรมไปจนกว่าจะหมด  ถ้าไม่หมดก็ส่งผลกับลูกหลานของคุณต่อไป   เริ่มกลัวแล้วล่ะสิ!

ในพุทธประวัติกล่าวไว้ว่า พระพุทธองค์  ทรงตรัสสั่งพระอานนท์ให้ปูลาดผ้าเพื่อจะทรงเอนกาย (นอนพัก) เพราะทรงปวดพระเศียร พระอานนท์ทูลถามว่า  พระศาสดาทรงปวดพระเศียรเพราะเหตุใด? พระองค์ทรงตรัสว่า (ขอใช้ภาษาชาวบ้าน)  ที่พระองค์ปวดหัวนี้    เพราะเศษกรรมที่ได้เคยอนุโมทนาบาปเอาไว้ ในชาติที่พระองค์เกิดเป็นลูกของชาวประมง ณ หมู่บ้านชายทะเล

เช้าวันหนึ่ง พ่อแม่และเพื่อนบ้านออกเรือหาปลาได้มากมาย กำลังสาละวน  กับการทุบหัวปลาบ้าง ขอดเกล็ดปลาบ้าง แล่เนื้อปลาบ้าง  พระองค์พร้อมเพื่อนเด็กๆ ก็มาวิ่งเล่นดูกลุ่มนั้น กลุ่มนี้  ด้วยความดีใจ ที่เห็นเขาได้ปลามามาก  การดูเขาทุบหัวปลาแล้วดีใจในครั้งนั้น  ได้ส่งผลให้พระองค์ต้องมีอาการปวดหัวในครั้งนี้… ดูเอาเถิดแม้แต่พระบรมศาสดาก็ยังมีเศษกรรมมารบกวน  แล้วพวกเราล่ะ จะว่าอย่างไร..?

หลวงปู่ครูบาวงศ์ ท่านว่า แม้จะฆ่าสัตว์มาเลี้ยงพ่อแม่ลูกเมีย   กินแล้วทำงาน  ทำความดีอยู่ก็ตาม  จะโยมหรือพระสงฆ์องค์เณรก็ตาม  กินเนื้อสัตว์ใด  ก็ต้องทำบุญอุทิศให้สัตว์ชนิดนั้น  เคยใช้แรงงานสัตว์ใด  ทำร้าย  ทรมาน  กักขังสัตว์ใด  ก็ทำบุญให้สัตว์นั้นด้วย  ดังนั้นในพิธีเต็มของหลวงปู่  ท่านจึงให้ทำรูปช้างม้าวัวควาย  หมู  หมา เป็ด ไก่ ตลอดถึงกุ้ง  หอย  ปู  ปลาที่เคยฆ่า  ทำร้าย  หรือใช้แรงงาน  เอามาร่วมในพิธีทานให้ทานแทนด้วย เพื่อเตือนใจคน  และเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับสัตว์เหล่านั้น

ในพิธีเต็มขั้นของหลวงปู่ ท่านจะใช้ข้าวของ  เงินทอง  กองทราย  เสื้อผ้าแพรพรรณ  หุ่นรูปสัตว์ต่างๆ  มากมาย  เพื่อเป็นสื่อของผู้ร่วมพิธี  ซึ่งจะหาผู้ใดทำได้ยากยิ่งแล้วในปัจจุบัน

๔. เพื่อใช้หนี้ปัจจุบันวันนี้หรือในระยะใกล้ๆ  อาทิตย์นี้  เดือนนี้ของตัวเราเอง  ไม่ให้งอกรากขยายผลไปสู่วันหน้า และเพื่อเป็นการเสริมมงคลชีวิต  เร่งลาภให้ได้ผลเร็วขึ้น  ด้วยการทำบุญค่าน้ำ  ค่าไฟในงานพิธีนี้..

ใบแจ้งกรรม

หลังจากทำบุญอธิษฐานใช้หนี้  มาครบ  ๔  พานแล้ว  จะพบกับขันโปรยทาน  และถังใส่ใบแจ้งกรรม  ซึ่งมีข้อควรรู้ดังนี้

๑. ขันใส่เหรียญเพื่อโปรยทาน  ในส่วนนี้ให้คุณใส่เหรียญต่างๆ  หนึ่งบาท  ห้าบาท  สิบบาท  ชนิดใดก็ได้ลงไป   ขันนี้รับเฉพาะเหรียญเท่านั้น  ให้ใส่ลงไปโดยไม่ต้องพูดหรืออธิษฐานใดๆ  ทั้งสิ้น  ใส่ลงไปเฉยๆ  ให้รู้ว่าใส่ก็คือใส่  ไม่มีคำอธิษฐาน  แต่ใส่หลายเหรียญหน่อยจะเป็นการดี  เพราะเมื่อเสร็จพิธีแล้วจะนำเหรียญเหล่านี้  มาหว่านโปรยทานให้ผู้มาร่วมพิธี  นำไปเป็นเงินขวัญถุง  เด่นทางโชคลาภ  ค้าขายดีนักแล

๒. ใบแจ้งกรรม เป็นใบที่แสดงเจตนาชัดแจ้งในการทำบุญครั้งนี้ว่า  ตัวเรามุ่งหมายอะไร  คือทำอะไร  เพื่ออะไร  ไม่ใช่ทำแบบคลุมเครือตามๆ  กันไป  แบบว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน  เช่นนั้นจะสำเร็จผลยากและได้บุญน้อย

เมื่อรับใบแจ้งกรรมมาแล้ว ให้เขียนชื่อ  นามสกุล  วันเดือนปีเกิด  จากนั้นเขียนคำสารภาพผิดที่เคยทำมา  เท่าที่พอจำได้  ไม่ต้องบอกรายละเอียด  เช่น  เคยลักมะม่วง ลักเงินแม่ ลักเงินเมีย ทำแท้ง คดโกงใครมา  ติดหนี้ใครอยู่  รุกเอาที่เขา  เผาป่า  หาเรื่องใส่ร้ายคน  ลืมใช้หนี้  ด่าตีพ่อแม่  ลักของวัด  ผิดคำสัญญา  (คือสัญญารับปากแล้วไม่สามารถทำได้)เป็นต้น

เมื่อเขียนเสร็จ  พับปิดผนึก  ถ้ามีเนื้อหามากเขียนมาจากบ้านใส่ซองได้เลย  นำมาใส่ถังใบแจ้งกรรมที่เตรียมไว้ให้  หลังเสร็จพิธีจะได้เผาส่งเคราะห์เหล่านั้นเสีย  จะได้สบายกาย  สบายใจ  และไม่ต้องกังวลว่าความลับจะรั่วไหล  เพราะจะไม่มีผู้ใดเปิดดูเด็ดขาด  ความซวยจะเข้าตัว จึงไม่มีใครอยากซวยเพิ่มขึ้นอีก

และไม่ต้องวิตกว่า  ชื่อ   นามสกุล ถูกเผาแล้วจะมีผลร้ายแก่ตัว    เขาไม่ได้เผาเพื่อสาปแช่งนะคุณ  เขาเผาเพื่อทำลายหลักฐานบนโลกมนุษย์  เพื่อแจ้งให้มิติอื่นได้รับรู้  และเป็นสักขีพยานในการเข้าร่วมแก้ไขบาปเก่า ในพิธีทานใช้ทานแทนของคุณเอง

เริ่มพิธีทานแทน  ทุกแดนเปิดรับผล

จัดเตรียมเงินใส่พาน   นำดินใส่ถังให้ครบจำนวนพระสงฆ์ในพิธี    เพื่อท่านจะได้มีวัตถุทานที่จะร่วมพิธีใช้หนี้ จัดให้มีเจ้าหน้าที่ถือพานเงินและถังใส่ดินไปวางต่อหน้าพระสงฆ์ทุกรูป เพื่อให้ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐาน ใช้หนี้ตามเช่นเดียวกับญาติโยม จากนั้นเจ้าหน้าที่นำเงินไปใส่ที่พานทั้ง ๔ ใบ รวมกับของญาติโยม  ดินในถังก็เอาไปเทเช่นกัน

เมื่อได้บริจาคดิน  สิ่งของ  เงินทอง  เสร็จแล้ว  ผู้นำในพิธีจะได้เริ่มทำพิธีถวายเพื่อใช้หนี้  ทั้งที่เป็นของตัวเรา  ของคนในครอบครัว  ตลอดทั้งญาติมิตร  บรรพบุรุษ  สายเลือดสายตระกูล  วงศาคณาญาติทุกเชื้อทุกสาย  ที่สืบเนื่องเกี่ยวข้องกับตัวเอง  และอุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติบรรพบุรุษเหล่านั้น  ตลอดทั้งเจ้ากรรมนายเวร  สรรพสัตว์ทั้งหลาย  จะได้หมดหนี้สิ้น  บาปเวร  ประสบกับความสุข  มีผลบุญด้วยกันทุกภพทุกภูมิ

ขั้นแรกจะทำพิธีขอขมาต่อพระรัตนตรัย  ขอขมาสงฆ์  ที่ตัวเรา  ญาติมิตรวงศ์วาร  บรรพบุรุษ  ได้เคยล่วงเกินเอาไว้  ด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ  ทั้งต่อหน้าและลับหลัง  ทั้งจำได้และจำไม่ได้  ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันชาตินี้  เพื่อให้พ้นบาปกรรม  หมดเคราะห์เข็ญ  เวรภัย  อุปสรรคนานาในชีวิต

จากนั้นไหว้พระรับศีล  แล้วกล่าวคำถวายดิน  สิ่งของ  เงินทองทั้งหลาย  ที่ผู้ร่วมพิธีนำมาต่อคณะสงฆ์  เพื่อเป็นการใช้หนี้ทั้ง  ๓  ส่วน  คือหนี้สินเกี่ยวกับของวัดของสงฆ์  หนี้สินเกี่ยวกับของคนด้วยกัน  และหนี้สินเกี่ยวกับชีวิต  เลือดเนื้อ  ของสัตว์ทั้งหลาย

ที่ตัวเราและบรรพบุรุษ  ญาติมิตรได้เคยทำมา เพื่อให้หมดหนี้สิน  เลิกจองเวร  อโหสิกรรม แก่กันและกัน  ซึ่งจะทำให้เหล่าญาติบรรพบุรุษ  รับส่วนบุญส่วนกุศลได้อย่างสะดวก  ไม่ติดขัด  ถูกปิดบังไว้ดังแต่ก่อน  จะได้ไปผุดไปเกิดในสุคติภพ  เสวยบุญของตนได้ดังปรารถนา

ส่วนตัวคุณเอง  สิ่งใดที่ขัดโชคขัดลาภอยู่จะถูกเปิดออก  ต่อไปผลบุญเก่าที่เคยสร้างไว้  กับผลบุญใหม่ที่ได้ทำในวันนี้  จะรวมพลังกัน    ทยอยเดินทางเข้ามาในวิถีชีวิต  คิดหวังปรารถนา  ลงมือทำสิ่งใดก็จะเกิดผลสำเร็จต่อชีวิตและครอบครัว  การงานการเงินดีวันดีคืนขึ้นเรื่อยๆ

ขั้นตอนสุดท้าย  จะกล่าวคำถวายมหาสังฆทาน  แก่คณะสงฆ์  เพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่บรรพชน  ญาติมิตร  เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย  เพราะเมื่อได้ใช้หนี้ให้แล้ว  พวกท่านเหล่านั้น  จะรับผลบุญได้สะดวก  จึงต้องทำมาตามลำดับขั้นตอน  จากการขอขมาลาโทษต่อพระรัตนตรัย  ต่อคณะสงฆ์  แล้วจึงมาไหว้พระรับศีล  ต่อด้วยการทำบุญใช้หนี้  ตามด้วยการถวายมหาสังฆทาน  ข้าวปลาอาหาร  เพื่ออุทิศส่วนกุศลเป็นลำดับสุดท้าย

เมื่อถวายภัตตาหาร  บริวารแก่พระสงฆ์เสร็จ  ท่านอนุโมทนาให้พร  พระท่านเริ่มฉันภัตตาหาร  ฝ่ายเจ้าหน้าที่จะนำเงินเหรียญชนิดต่างๆ  ในขันโปรยทาน  มาโปรยทานเพื่อเป็นขวัญถุงรุ่นปลอดหนี้  ตรงนี้มีเคล็ดลับอยู่หน่อยหนึ่งว่า..ให้เป็นลาภลอย..  คือให้นั่งอยู่ประจำที่  รอเงินโปรยทานตกมาในเขตของตน  จึงรับเอาหรือแบ่งกับคนข้างๆ  ห้ามวิ่งยื้อแย่งกัน  เพราะนอกจากจะวุ่นวายดูไม่งามแล้ว  เงินที่ได้นั้นจะไม่เป็นลาภลอย  เวลานำไปเป็นขวัญถุง  จะทำให้วิ่งแย่งแข่งขัน  แข่งอาชีพกับคนอื่น  สู้ได้แบบเปล่าๆ ไม่ต้องแย่งกับใครดีกว่า  สบายดี..

เมื่อรับโปรยทานแล้ว แบ่งอาหารกันรับประทาน เอื้อเฟื้อแบ่งปัน  แสดงน้ำใจต่อกัน  อิ่มแล้วช่วยเก็บช่วยล้าง   ของใช้ในพิธีให้เรียบร้อย  ค่อยทยอยเดินทางกลับ

ตั้งแต่นั้น  จงเป็นคนใหม่  สำนึกใหม่  ชีวิตใหม่ ที่พ้นหนี้สินและบาปเวร  พยายามเดินในทางชีวิตที่ถูกต้อง  พอดี  ไม่เห่อเหิม  ทะนงตน  จนต้องไปคดโกง  ลักขโมยใครๆ  ไม่สุรุ่ยสุร่าย  จ่ายเพลิน  จนก่อหนี้  เป็นคดี  หนีความผิด

หมั่นทำบุญทานการกุศล  คิดดี  พูดดี  ทำดี  แล้วผลดีต่างๆ  ที่คุณทำไว้  จะมาเกื้อหนุนบันดาลให้เกิดโชคลาภ  วาสนา  ดังที่ผู้ร่วมพิธีได้เคยรับมาแล้ว  เงินขวัญถุงที่ได้จะช่วยเตือนใจคุณไม่ให้ประมาท  และสร้างโอกาสทางอาชีพ  การงานที่ถูกโฉลกกับคุณ

พร้อมกันนั้นหมู่ญาติบรรพบุรุษ  ที่ได้รับส่วนบุญส่วนกุศลแล้ว  จะคอยคุ้มครอง  ช่วยเหลือ  บันดาลผลให้เกิดความรู้  ความสามารถ  ปัญญา  ความสำเร็จ  แก่คุณและครอบครัวตลอดไป

หมายเหตุ  เหตุที่เรียกมหาสังฆทานนั้น  เพราะว่าเมื่อเสร็จพิธีแล้ว  สิ่งของไทยทานก็ดี  ปัจจัยต่างๆ ก็ดี จะได้จัดแบ่งเฉลี่ยถวายกับทุกวัดที่นิมนต์มาร่วมพิธี  ไม่ได้จำกัดไว้เฉพาะวัดวัดเดียว  เหมือนกฐิน ผ้าป่าทั่วไป  จึงจัดเป็นมหาสังฆทานอันบริสุทธิ์  มีผลอานิสงส์ยิ่งใหญ่ แก่ผู้ร่วมทำบุญในพิธีเป็นอย่างยิ่ง

โพสท์ใน หนังสือธรรมะ | ใส่ความเห็น

หนังสือ เล่ม 3 คำสารภาพ (ตอนที่ 3)

๑๕.  กราบสะท้านโลกา

เมื่อพูดถึงเคราะห์หามยามซวยแล้ว  รู้สึกว่าจะมีกันทุกคน  มากบ้าง  น้อยบ้าง  คละกันไป  แม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้า ก็มิได้ยกเว้น  การแสวงหาทางออกก็มีหลายแบบ    ทำบุญถวายสังฆทาน     ไปถือศีลปฏิบัติธรรม  สร้างพระสร้างเจดีย์    หนีออกจากบ้าน    บนบานศาลกล่าว    ถือขันครูบูชาเจ้าแม่   แก้เคราะห์สะเดาะกรรม   เปลี่ยนชื่อ   รื้อบ้านทิ้ง

ความทุกข์ความเดือดร้อนนั้นไม่มีใครอยากได้  แต่ในชีวิตจริงของคนเราก็ชอบหาเรื่องใส่ตัวอยู่บ่อยๆ  คงเพราะความไม่พอดีของมนุษย์เองกระมัง  จึงชอบแสวงหาและสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอๆ   จนเกินความพอดีขึ้นมา  ดังนั้นถ้าเราแสวงหาโดยไม่ศึกษาให้ดีแล้วไซร้  อะไรๆ  ที่ไม่คาดคิดก็ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ

มีหญิงคนหนึ่ง อายุ ๒๔  ปี  อยากค้าขายดี  จึงไปรับขันครู  ถึงปีมาต้องไปเข้าพิธีไหว้ครูบูชาเจ้าพ่อ  การค้าขายดีขึ้นในระยะแรก   แล้วเธอก็ป่วยประหลาด  ตำหนักทรงจึงบอกให้เธอรับขันเทพอีกองค์ไปบูชา

พอองค์นี้มาอยู่ดูท่าจะดีขึ้น  ต้องเข้าวัดทำบุญ  สวดมนต์นั่งสมาธิ  ต่อมาเทพก็บอกให้เธอกินเจ  ต่อมาให้เลิกขายอาหารเนื้อสัตว์  ต่อมาให้เลิกยุ่งกับสามี  ต่อมาให้ยกลูกให้คนอื่น  ต่อมาให้ขายกิจการเอาเงินไปซื้อหวยตามที่เทพบอก  ปรากฏว่าไม่ถูกซักงวด  เสียเงินไปมาก

สุดท้าย  บอกต้องไปบำเพ็ญกับองค์เทพบนสวรรค์  โดยใช้มีดฆ่าตัวตาย..  สามีและญาติ  พาไปรักษาแก้ไขทั้งที่ตำหนักและโรงพยาบาลประสาท  ก็ไม่หาย มีเสียงสั่งการในหูตลอดว่า  ถ้าเลิกนับถือ  เทพจะทำให้ครอบครัวพินาศ

เธอตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต   มีเธอและครอบครัวเป็น  เดิมพัน  ที่จะเลิกนับถือเทพโดยเด็ดขาด  ขอดำเนินชีวิตด้วยตนเอง  เป็นอิสระเช่นคนทั้งหลาย

บอกเธอว่า  สิ่งที่นับถือนั้นไม่ใช่เทพจริง  และที่ป่วยประหลาดนั้นเป็นเพราะเธอสวดมนต์ภาวนา  จนจิตสงบมีความสว่างไสวกลบรัศมีของเปรตนั้น  มันกลัวเธอจะรู้จักตัวจริงและมีอำนาจเหนือมัน  จึงจำเป็นต้องทำลายเธอทุกวิถีทาง  และที่สำคัญมันหลงรักเธอเข้าแล้ว..

เอาขันครูไปคืนซะ  ทำบ้านให้สะอาด  ยึดมั่นชัดเจนในคุณ   พระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  คุณครูบาอาจารย์  คุณของพ่อแม่  ให้เชื่อมั่นในคุณงามความดีของตัวเอง  ไปกินยาฟอกเลือด  ยาถ่าย  ล้างสารพัดน้ำมนต์  ที่เธอดื่มมาตลอดสองปี  ร่างกายจิตใจก็จะสดชื่นนะ

ข้อสำคัญ  หลังจากไหว้พระสวดมนต์แล้ว  ก่อนเลิกให้กราบ  ๖ ครั้ง  เพื่อเป็นการเปิดบุญบารมี  ขออานุภาพอันบริสุทธิ์  มาดลบันดาลผลสำเร็จในชีวิต  และให้ผ่านพ้นอุปสรรคทั้งปวง

หนึ่งเดือนผ่านไป  เธอในมิติใหม่มาเล่าให้ฟังว่า  ทำตามที่บอกแล้ว  บัดนี้หายเป็นปกติ  กลับมาค้าขายเหมือนเดิม  ค้าขายดีกว่าเมื่อก่อนอีก  หนูใช้กราบ ๖  ครั้ง เช้า – เย็น  พอใจกับผลที่ได้รับ   ขอบคุณมากค่ะ..  บอกเธอว่าดีใจด้วย  และควรขอบคุณสามีเธอมากๆ ด้วยล่ะ  ที่ทนอยู่กับเมียประสาทหลอนตั้งหลายปี  นี่ถ้าไม่รักกันจริง และน้ำใจไม่ประเสริฐแล้ว  ก็คงทิ้งเธอหนีไปแต่งงานใหม่ตามที่ญาติผู้ใหญ่แนะนำ  งานนี้คงต้องบอกว่า  ขอบคุณที่ยังรักกัน..

ถาม. เคยถือขันครู และมีรูปปั้นเทพต่างๆ จะเอาออกจากบ้านอย่างไร  จะเอาไปไว้ที่ไหนเพราะคนที่ให้เขาเสียชีวิตไปแล้ว?

ตอบ.  ก่อนอื่นต้องอธิษฐานจิต เอาพระพุทธคุณเป็นที่พึ่งว่า  ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลเกราะแก้วคุ้มกันข้าพเจ้าด้วยเถิด  ว่า  ๓  รอบ  แล้วบอกกับองค์เทพเหล่านั้นว่า  “..บัดนี้ข้าพเจ้าได้เป็นลูกศิษย์พระ ลูกศิษย์วัดแล้ว  จึงขอเชิญท่านทั้งหลายไปเป็นลูกศิษย์วัดกับข้าพเจ้า  รับบุญกุศลและสร้างความดีต่อไป..”

จากนั้น  เก็บกวาดขนย้ายไปวัด  บอกกับพระท่านว่า  “เอาลูกศิษย์มาถวาย จะให้เอาไว้ที่ไหน”  จึงเอาไปไว้ตามที่พระท่านบอก  จากนั้นนำของทำบุญมาถวายพระ แล้วอุทิศบุญให้เขาเหล่านั้นว่า  “..บุญนี้  อุทิศให้ผู้ที่ติดตามข้าพเจ้ามา..”

๑๖. กราบอย่างไรให้ได้ผลเร็ว

ก่อนนอนหรือตื่นนอนก็ตาม  ให้กราบด้วยความนอบน้อม  (กราบหวานๆ  )  ๖  ครั้ง

  • กราบระลึกถึงคุณพระพุทธ     ว่า    กราบคุณพระพุทธ
  • กราบระลึกถึงคุณพระธรรม     ว่า   กราบคุณพระธรรม
  • กราบระลึกถึงคุณพระสงฆ์      ว่า   กราบคุณพระสงฆ์
  • กราบระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์  ว่า กราบคุณครูบาอาจารย์
  • กราบระลึกถึงคุณของพ่อแม่    ว่า    กราบคุณพ่อแม่
  • กราบระลึกถึงคุณความดีของตัวเอง ว่า  กราบตัวข้าพเจ้าเอง

เสร็จแล้วพนมมือ  อธิษฐานว่า  “..ด้วยอำนาจคุณ  ๖  ประการนี้  จงดลบันดาลความสำเร็จในชีวิตแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด..”    กราบเป็นประจำเช้าเย็น  แล้ววิถีชีวิตของคุณจะดีขึ้น  คิดสิ่งใด  ทำสิ่งใดจะสมปรารถนาโดยเร็ว

 มีเคล็ดลับอยู่ว่า

เวลากราบระลึกถึงคุณของพ่อแม่นั้น  ให้จูนความรู้สึกเหมือนกับกราบลงที่ตักของท่าน  จึงจะทำให้มีพลังความสำเร็จเร็วขึ้น  ให้ลองกราบที่ตักของพ่อแม่จริงๆ  ก่อนก็ได้  แล้วจำความรู้สึกนั้นเอาไว้ เมื่อกราบลงหมอนให้รู้สึกนุ่มๆ  อบอุ่น  เหมือนกราบที่ตักพ่อแม่จริงๆ

คำว่า  ความสำเร็จในชีวิตนั้น  หากคุณมีปัญหาหรืออุปสรรคเร่งด่วน  ก็สามารถนำคำอื่นมาเติมแทนได้  เช่น  ความสำเร็จในการสอบ  ในการสมัครางาน  ในการเดินทาง  ในการซื้อขาย  ในการส่งผลงาน ฯลฯ  โดยไม่ต้องไปบนบานศาลกล่าวที่ไหนอีกเลย

หากกราบเป็นนิสัยด้วยใจศรัทธาแล้วไซร้  ย่อมมีอานุภาพดลบันดาลผลสำเร็จให้ชีวิตของคุณยิ่งว่าสวดมนต์คาถาใดๆ

บางท่านอาจจะหาว่ามั่ว  ไม่ได้สวดมนต์สักบทจะขลังหรือ?  ช้าก่อนไอ้บุญทิ้ง  พระมหาเถรคันฉ่อง  อธิบายต่อว่า  อันว่ามนต์คาถาที่สวดกันอยู่นั้น   ไม่ว่าจะเป็นขันธปริตร   โมรปริตร   อภยปริตร   พระอิติปิโส   พาหุง-มหากาฯ  ที่สวดกันมาตั้งแต่เมืองพม่ารามัญ  จนถึงอโยธยานั้น   หากแปลเป็นไทยแล้ว  ก็จะได้คุณ  ๖ ประการดังว่า  และสุดท้ายของมนต์เหล่านั้น  ย่อมเอ่ยอ้างเอาคุณ  ๖  ประการ  มาปกป้อง  คุ้มครองรักษา  และบันดาลความสุขความเจริญเช่นเดียวกัน  ขอให้เข้าใจชัดเจนอย่างนี้เถิด  การกราบนั้นจะได้บังเกิดผลสำเร็จดังปรารถนาแล..

ถาม. หนูพักอยู่หอกับเพื่อนหลายคน ไม่สะดวกที่จะกราบพระก่อนนอน  แม่ก็คอยโทรมาเตือนให้ไหว้พระก่อนนอน  หนูก็เออๆ  รับปากไป  แต่กราบบ้างไม่กราบบ้าง  จะทำอย่างไรคะ?

ตอบ.  อะไรกันกลัวความดี   เขามีแต่อายชั่วกลัวบาป  นี่กลัวบุญ  กลัวสิริมงคล  โชคลาภ..เอาเถอะ  หากไม่สะดวกที่จะกราบ  เช่นเพื่อนอยู่เยอะ  หรือกำลังเดินทาง  ก็สามารถที่จะนั่งนิ่งๆ  หรือนอนตะแคงประนมมือ  กราบในใจและอธิษฐานผลได้เช่นเดียวกัน

ถาม.  เคยไปทำพิธีเปิดบุญบารมี  แล้วการกราบ  ๖  ครั้ง  จะเป็นการเปิดบุญบารมีได้อย่างไรคะ?

ตอบ.  การเปิดบุญบารมีนั้น  เป็นการกระตุ้นให้คุณเกิดความเชื่อมั่น  เกิดพลังใจในตัวเอง  จึงรู้สึกดีต่อตัวเอง  รู้สึกมีอำนาจ  มีความหนักแน่นขึ้น  เป็นมิตรต่อผู้อื่น  ทำให้สิ่งต่างๆในชีวิตดีขึ้น

การกราบก็เช่นกัน  คิดดูเถิดว่า  คุณสามารถยกมือไหว้คนอื่นๆได้ทั่วโลก  แต่จะมีประโยชน์อะไร  หากคุณไหว้ตัวเองไม่ได้  กราบตัวเองไม่ลง  เชื่อว่าคุณคงมีความดีในตัวมากกว่า  คนหลายๆ คน  ที่คุณยกมือไหว้  แล้วคิดเสียดายมือ

หากคุณกราบตัวเองได้  คุณจะรู้สึกมีค่าในตัวเอง  ภูมิใจในตัวเอง  รู้สึกดีต่อตนเอง  ความมั่นใจ  ความหนักแน่นก็จะตามมา  การดำเนินชีวิตจะสะดวกราบรื่น  บุญเก่าจะเข้าหนุนเนื่อง  ทำให้งานสำเร็จได้ง่าย  พระท่านเรียกว่า  “..อธิษฐานบารมี แล..”

๑๗. เคล็ดลับการสร้างโชคลาภ

เก็บเงินไม่ได้  รายจ่ายก็มาก  งานดีดีก็หาลำบาก  จะไปวัดทำบุญก็ไม่มีเวลา  ซ้ำหมอดูมาทักว่าดวงตก  จิตใจเลยห่อเหี่ยว  ท้อแท้เข้าไปใหญ่  คิดดูแล้วมนุษย์สมัยนี้ช่างมีความทุกข์มากมายเหลือเกิน  การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก  แต่การมีชีวิตอยู่ให้มันพ้นเดือนพ้นปี  มันกลับยากยิ่งกว่า

ที่จริงคนเราเกิดมานั้น  มีงานหรือหน้าที่ที่ต้องทำเพียงสองอย่าง  เท่านั้นคือ  ๑.  เพื่อสร้างฐานะ  ๒.  เพื่อสร้างความสุข  ภารกิจทั้งสองนี้ต้องทำควบคู่กันไปเสมอ  จึงจะเป็นชีวิตที่สมบูรณ์  ลงตัวได้

แต่คนในยุคปัจจุบันขาดความสมดุล  เพราะมุ่งเน้นเพียงด้านหนึ่งด้านเดียว  ส่วนมากมุ่งสร้างฐานะ  โดยคิดว่า ทนลำบากสัก ๕  ปี ๑๐ ปี  คงได้สบายกับเขาบ้าง  จึงยอมทุกข์  ยอมระกำลำบาก  ผัวไปหาทางเหนือ  เมียไปหาทางใต้  ได้บ้างไม่ได้บ้าง  บางคนหักค่าน้ำมันแล้วแทบไม่เหลืออะไร  เดือนชนเดือน  แต่ก็หวังลึกๆว่าวันหนึ่งคงจะสบายกับเขาบ้าง   หลายคนสำเร็จดังหวัง  แต่หลายคนที่หาความสบายไม่ได้แม้แต่วันเดียว.

อีกกลุ่มหนึ่งมุ่งสร้างความสุขส่วนตัว มีชีวิตรอดไปวันๆ ไม่สนใจความมั่นคงใดๆ  ไม่คิดสร้างฐานะหรือมีข้อผูกพัน   ชีวิตจึงไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน  เกิดมาเผาผลาญทรัพยากร  เปลืองข้าว  เปลืองน้ำ  เปลืองอากาศไปวันๆ  จนกลายเป็นติดหนี้ธรรมชาติ  หลายคนจึงพลาดโอกาสทองของชีวิต  ทั้งๆ ที่โอกาสก็ผสมอยู่ในอากาศที่คนเราหายใจ…มีอากาศก็ต้องมีโอกาส..

การที่จะใช้ชีวิตให้คุ้มค่า  ครอบครัวมีปัญหาน้อยที่สุด  คือจงแข่งกับตัวเอง  อย่าไปแข่งกับคนอื่น  เพราะมันจะเกินพอดีของตัวเองไป  ทำให้ความสุขในครอบครัวลดลง  บางคนมุ่งแต่จะหาจะมีโดยอ้างว่าเพื่อลูก  แต่ในความเป็นจริงเขาไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับลูกเลย  เป็นปีก็ไม่ได้เห็นหน้ากัน  ไม่ได้พูดคุยหัวเราะกัน  ไม่ได้กินข้าวด้วยกัน  คำว่าความสุข  คำว่าครอบครัว…มันช่างเลือนรางและอยู่ห่างไกลเหลือเกิน..

ถึงเวลาแล้วที่คุณทั้งหลายๆ  จะได้หันมาใส่ใจกับหน้าที่ของชีวิต  ด้วยการสร้างฐานะและความสุขในครอบครัว  ให้เดินเคียงคู่กันไปทุกวัน  สร้างความสมดุล  ความรักและเสียงหัวเราะให้เกิดขึ้นในบ้าน    จำไว้ว่า  ความอบอุ่นบวกกับความปลอดภัย  ไว้วางใจกันได้  รวมกันจึงจะเป็นความสุขขึ้นมา

มีเคล็ดลับอันหนึ่ง  ที่จะสร้างฐานะและความสุขให้เดินเคียงคู่กันไปได้ทุกวัน  เป็นของง่ายๆ  แต่ได้ผลดีมาก  เพียง  ๓  ขั้นตอนและใช้เวลาไม่เกิน  ๓  เดือนชีวิตคุณจะดีขึ้นแน่นนอน  ยืนยัน  นั่งยันเลยค่ะ

๑. ให้หากระปุกออมสินที่ตรงกับปีเกิด  เกิดปีหมูเอาหมู  ถ้าไม่มีเอาสติ๊กเกอร์รูปสัตว์ปีเกิดมาติดที่ข้างกระปุกก็ได้  ควรเป็นกระปุกที่มีจุกยางเปิดได้  เวลาเอาเงินออกจะได้สะดวก

๒. ตื่นเช้าก่อนล้างหน้าหรือก่อนออกไปทำงาน  ให้เอาเงินหยอดกระปุก  ตั้งแต่  ๑  บาท  ขึ้นไป  จะ  ๕  บาท  ๑๐  บาท  ก็ตามสะดวก  ไม่จำเป็นต้องเท่ากันทุกวัน  กำเงินไว้พร้อมนึกว่า  ตื่นเช้ามายังไม่ได้ทำอะไรก็ได้เงินแล้ว,  เอาเงินหยอดกระปุกพร้อมนึกว่า  ได้เก็บเงินแล้ว,  หยอดเสร็จนึกว่า  ได้เงินทำบุญแล้ว,  ทำและนึกอย่างนี้ทุกวัน

เมื่อหยอดเหรียญครบหนึ่งเดือน  แคะกระปุกนับเงินได้เท่าไรแล้วแบ่งเป็นสองส่วน  ส่วนที่หนึ่งนำไปซื้ออาหารไปทำบุญ  ส่วนที่สองบริจาคค่าน้ำค่าไฟให้วัด  เวลาทำบุญทั้งสองกรณีนี้  ใช้คำอุทิศบุญเหมือนกันว่า  บุญนี้ให้กับผู้ที่ติดตามมา

การถวายค่าน้ำค่าไฟให้ตั้งเจตนาว่า  ให้เป็นค่าน้ำค่าไฟตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป    (ไม่ใช่ค่าไฟของเดือนที่แล้ว)  ทำอย่างนี้  พลังบุญที่เกิดจะบันดาลโชคลาภ  ความสำเร็จ ให้กับคุณไปตลอดเดือน

เมื่อทำอย่างนี้เป็นประจำจะเกิดผลสามอย่างกับคุณ  คือ  ๑.  ทำให้เก็บเงินได้  รายได้ดีขึ้น  ๒.  เคราะห์เสียเงินจุกจิกจะหายไป  ข้าวของเครื่องใช้จะไม่ชำรุดเสียหายง่าย  ๓.  จิตใจจะเบิกบานมีความสุข  อารมณ์ดีความคิดแจ่มใส

๑๘. วิธีถอนคำสาปแช่ง

คำด่าว่า   ประณามหยามเหยียด  หมิ่นประมาท  สาปแช่งใดๆ  ที่เราได้เคยทำลงไปนั้น  ไม่ว่าจะเป็นเพราะอารมณ์โกรธแค้นชั่วขณะ  หรือพูดพล่อยๆ ไม่ระวังปากก็ตาม  ทั้งที่เป็นแบบชั่วขณะตามอารมณ์  หรือมุ่งหมายให้เกิดความหายนะแก่คู่กรณี  คนทั้งหลายชอบคิดเอาเองว่าไม่เป็นไร  ใครๆ  เขาก็ทำกันทั้งนั้น  ประมาณว่ามันสะใจดี

แต่ในความเป็นจริงแล้ว  คำด่าว่า  สาปแช่ง  สาบถสาบานนั้น  นอกจากจะมีผลร้ายต่อผู้อื่นแล้ว  ยังมีผลสะท้อนย้อนกลับมาให้ร้ายกับตัวเองได้ด้วย  ยิ่งในช่วงดวงตก  จะเห็นผลร้ายได้ชัดเจนมาก  ความซวยทุกชนิดจะพุ่งเป้าเข้ามาในวิถีชีวิต  จนแทบหาทางออกไม่เจอ

หลายคนมีเคราะห์เข็ญ  หลายคนประสบหายนะ  หลายครอบครัวที่ต้องเจอมรสุม  หลายครอบครัวที่แตกแยกไปคนละทิศละทาง  ไปหาหมอดูก็ตรวจไม่พบ  แม้จะแต่งแก้สะเดาะเคราะห์อย่างไรก็ไม่หาย  นี้เป็นเพราะผลคำสาปแช่งนั้นได้ย้อนมากระทบตัวเอง  มันจึงส่งผลร้ายเกิดเป็นไปต่างๆ  แก่ตนเองและครอบครัว

บางคนไม่แช่งเปล่าๆ  จุดธูปแช่ง  เผาพริกเผาเกลือแช่ง  ทำพิธีปั้นหุ่น   แทงหุ่น  ก็มี  ดังนั้นเวลาอาถรรพ์มันย้อนกลับมา  จึงป่วยไม่หาย  ขายของไม่ได้  ลูกหลานผลาญสมบัติ  ชอบสร้างความทุกข์ใจให้  เรียนก็ไม่จบ  คบเพื่อนก็เลวๆ  ติดเหล้าติดยา  ขาดเงินทองไปอาศัยหยิบยืมใครก็ไม่ได้   จะลาตายก็เป็นห่วงครอบครัว   เลยพาลโทษฟ้าดิน    สิ้นศรัทธาในบุญกุศลไปเลยก็มี

ที่ดีหน่อยก็เข้าวัด  ทำบุญ  ฟังเทศน์ปฏิบัติธรรม  แต่ต่อให้นั่งสมาธิเอาเป็นเอาตาย  ก็ยากจะสงบได้  บางคนกลายเป็นคนอารมณ์ร้าย  ป่วนเขาไปหมด  ยิ่งสถานการณ์บ้านเมืองวุ่นวาย  แบ่งพรรคแบ่งพวก  เหตุร้ายต่างๆแบบนี้   จะยิ่งทยอยเกิดขึ้น  จนกลายเป็นข้อวิตก  ของฝ่ายแนะนำแก้ไขกรรม  ว่าคงสุดวิสัยที่จะช่วยเหลือ  ต้องปล่อยไปตามเวรกรรม  กรรมใดใครก่อก็รับกันตามสบาย  หลายท่านปิดสำนักเก็บตัว.. เลิกช่วยเหลือคน.

แต่เอาเถอะ   อย่าพึ่งท้อแท้ใจไปเลย    เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้  มันจะเกินมนุษย์ไปได้อย่างไรเน๊าะ..  ดังนั้นวิธีแก้ไขที่ตรง  ลัดสั้น  และให้ผลฉับไวที่สุด  คือ

ตัดสินใจให้เด็ดขาด  ที่จะเลิกจองเวร  เลิกอาฆาตพยาบาทใครต่อใคร  ขอให้สิ่งที่เคยทำ  คำที่เคยด่าว่า  เคยกลั่นแกล้ง  ใส่ร้ายป้ายสี  หมิ่นประมาท  เคยสาปแช่งผู้ใดไว้  ไม่ว่าชาตินี้  หรือชาติใดๆ ก็ตาม  ขอยอมรับผิด  และขอถอดถอนการกระทำคำพูดเหล่านั้น  ให้หมดฤทธิ์สิ้นเดชไม่ให้มีผลร้ายแก่ผู้ใดอีกต่อไป  แม้แต่คำสัญญา  สาบานต่างๆ ในอดีตชาติ  ก็ควรจะถอนออกด้วย  จะได้ไม่เป็นข้อผูกพัน    ที่ต้องตามชดใช้กันอีกต่อไป  เพราะยังมีอีกหลายดวงวิญญาณที่ต้องทนทุกข์ทรมาน  ไปเกิดไม่ได้เพราะติดคำสัญญา  แม้ที่เกิดแล้วก็ยังต้องมาชดใช้กัน  ตามที่เคยสัญญาไว้

สิ่งเหล่านี้แม้เวลาจะผ่านมาแสนนาน  จนลืมไปแล้ว  แต่ถ้ายังไม่ได้ถอน  ผลร้ายก็ยังติดตามวนเวียนรอจังหวะให้ผล  มีผู้หญิงคนหนึ่งด่าพี่สาวว่าเป็นทอม  เป็นดี้  ต่อมาลูกสองคนของเธอก็เป็นทอม  เป็นเกย์  เช่นกัน

พี่น้องสองคนแช่งด่ากันเรื่องที่ดิน  เมื่อลูกสาวมาดูลายมือ เพราะตกอับชีวิตมีปัญหา    ลายมือยังระบุว่า  เป็นผลจากการสาปแช่งกันของแม่และป้า เรื่องการแบ่งที่ดินไม่ลงตัว เมื่อ  ๓๐  ปีที่แล้ว  ส่งผลให้ทั้งสองครอบครัว  เกิดหายนะขึ้น

จึงบอกให้ทั้งสองฝ่ายถอนคำสาปแช่ง เลิกแล้วต่อกัน  มิฉะนั้นลูกหลานจะไม่มีแผ่นดินอยู่  ต้องเร่ร่อนทำมาหากิน  ไปตกระกำลำบากหรือตายต่างถิ่น  ทั้งสองฝ่ายตกใจและเสียใจกับเรื่องนี้  ทั้งๆ ที่ลืมกันไปหมดแล้ว  จึงได้ทำพิธีถอนคำสาปแช่ง  ยุติอาถรรพ์ก่อนที่จะหายนะไปมากกว่านี้

ด่าผู้อื่นให้ล่มจมแตกแยกเอาไว้    สุดท้ายก็จะมาลงที่ตนเองและลูกหลาน  มันน่ากลัวมาก  ขอเพื่อนๆ จงคิดดีๆ  แล้วจะพบสาเหตุ  ที่ต้องประสบเคราะห์กรรม  เพราะโดยสถิติที่ดูลายมือ ของคนนับพัน  มีถึง ๗๐% ที่เกี่ยวกับกรณีนี้  และมีจำนวนมากเช่นกัน  ที่เคราะห์กรรมที่ตนเองและครอบครัวประสบอยู่นั้น  เกิดจากการสาปแช่งผู้อื่นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์    กงกรรมกงเกวียน  ให้ทุกข์แก่ท่าน  ทุกข์นั้นถึงตัว

ทายกวัดแห่งหนึ่งที่ชลบุรี   ชอบตำหนิพระในวัดว่าไม่ค่อยสำรวม  ไม่ปฏิบัติ  แต่ถึงคราวลูกชายแกบวช  กลับเปิดเพลงลั่นวัด  มั่วสุมเฮฮา..  (เวรกรรม)  เธอคนหนึ่ง  แฟนมีกิ๊ก  เพราะสาเหตุที่เคยด่าแฟนเพื่อนเอาไว้มาก…ว่าผู้ชายเลวๆ แบบนั้นอย่าไปสนมัน

๑๙. มาล้างแค้นกันเถอะ

อะระติ  โลกะ  นาสิกา  ความริษยา  ทำให้โลกฉิบหาย  เมื่อรู้เหตุต้น – ผลกรรม อย่างนี้แล้ว  ก็มาเริ่มกันได้เลย  ให้คุณเอาธูป  ๗  ดอก  น้ำ  ๑  ขวด ไปที่วัดในวันพระ  เวลาแล้วแต่สะดวก  เลือกวัดที่มีพระพุทธรูปขลังๆ หน่อยจะดีมาก  เพราะพุทธคุณแรง  เทวดาอารักษ์ในสถานที่นั้น  จะได้ร่วมรับรู้เป็นสักขีพยาน

กราบ ๓ ครั้ง  จุดธูป  ๗ ดอก  ตั้งนะโม  ๓  จบ  พูดต่อหน้าพระประธานว่า  “..ขออำนาจพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  จงบันดาลให้คำด่าว่า  คำสาปแช่ง  คำหมิ่นประมาท  ปรามาสผู้มีคุณ  คำสาบถสาบาน  คำใส่ร้ายป้ายสี  กลั่นแกล้ง  การจองเวร  ที่ข้าพเจ้าได้เคยทำไว้  ไม่ว่าชาตินี้  หรือชาติใดก็ตาม  ให้ถอดถอนสูญสิ้นไปด้วยเถิด..”

ว่า ๓ ครั้ง    ออกเสียงให้ชัดเจน  จากก้นบึ้งของหัวใจ  จากนั้นปักธูปในกระถาง  กราบ  ๓  ครั้ง  แล้วออกไปกลางแจ้ง   จะเป็นลานดินหรือสนามหญ้าก็ได้   เทน้ำลงดินพร้อมกล่าวขอขมาลาโทษผู้ที่ได้เคยผูกเวรกันว่า

ข้าพเจ้า  ….(ใส่ชื่อ – นามสกุล)….  ได้ทำพิธีถอนคำสาปแช่งแล้ว  สิ่งใดที่เคยทำผิดต่อท่านทั้งหลาย  ข้าพเจ้าขอโทษขออภัยด้วย  ขอท่านทั้งหลายจงได้โปรดเมตตา  ยกโทษอโหสิกรรม  เลิกจองเวรแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด   จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้

ให้ทำต่อเนื่องกัน  ๗  วันพระ  เลือกเวลาตามความเหมาะสม  จะเช้า สาย  บ่าย  เย็น  ใช้ได้ทั้งนั้น  เริ่มแรกคุณจะรู้สึกเบากาย  สบายใจ  สมองโปร่ง  ต่อมาจิตใจจะนิ่งไม่ค่อยวุ่นวาย  หลังจากนั้น  สิ่งร้ายๆ  ที่ประสบอยู่  จะเริ่มเปลี่ยนแปรเป็นดี เช่นลูกกลับเข้าบ้าน  การงานอาชีพดีขึ้น  คนในบ้านพูดกันรู้เรื่อง  โรคภัยไข้บรรเทาหรือหายไป   เมื่อทำครบ  ๗  ครั้ง  พลังหลายๆอย่างจะหนุนนำ  ทำให้คุณได้รับโชคลาภที่ต้องการ  จนบอกตัวเองได้ว่านี้คือ.. ผลของอภัยทาน..  ที่ให้ผลชัดเจนกว่าการแผ่เมตตาแบบธรรมดา  ลองดูสิ!!

๒๐. วิธีถอนคำสาปแช่งของผู้อื่น

คนเรานั้น  ก็มีบางที  บางครั้งเหมือนกัน  ที่พูดหรือทำให้คนอื่นขัดใจ  โกรธเคือง  พวกที่ตั้งใจหาเรื่อง  แกว่งตีนหาเสี้ยนเองก็มี   ที่ไม่ตั้งใจแต่เคราะห์ร้ายโดนหางเลขก็มี  เลยถูกด่าว่า  สาปแช่งเอา  ทำให้เกิดผลร้าย  ต่อวิถีชีวิต  ขัดโชคขัดลาภได้ง่ายๆ 

บางคนชอบบนบานศาลกล่าว  อยากถูกหวย  อยากรวยทางลัด  อยากผ่านพ้นอุปสรรค    ผ่านไปทางไหนก็บนดะไปเรื่อย    จนไม่รู้ว่าเจ้าพ่อองค์ไหนช่วยไม่ช่วย  ถ้าสำเร็จก็ดีใจว่าได้แล้ว  ส่วนที่แห้วก็ด่าเจ้าพ่อเจ้าแม่  แต่โดยสรุปคือไม่ได้แก้บน

ทำให้เกิดผลร้ายในชีวิต  เพราะผีสาง  เทวดา เขาโกรธไม่พอใจ  จึงถูกด่า  ถูกเอาคืนบ้าง  เป็นการเตือนหรือทวงสัญญา  (ทางที่ดีไม่ต้องบนซะก็สิ้นเรื่อง)  ดังนั้น  หากท่านผู้ใดเข้าข่ายนี้  จงรีบแก้ไขเสียโดยเร็วเถิด ก่อนที่จะเกิดผลร้ายมากกว่านี้

ไปที่วัด  จุดธูป ๕  ดอก  ต่อหน้าพระพุทธรูป  ตั้งนะโม ๓ จบ  กล่าวคำถอนคำสาปแช่งจากผู้อื่นว่า  “..ขออำนาจพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  จงบันดาลให้คำด่าว่า  สาปแช่ง  ที่มีผู้ทำต่อข้าพเจ้าไว้  ให้สูญสิ้นไปด้วยเถิด” ว่า  ๓  ครั้ง  ปักธูปในกระถาง  แล้วกราบ

ให้ทำต่อเนื่องกัน  ๗  วันพระ  จะทำให้กระแสคำด่าว่า  สาปแช่ง  ที่มีผู้ทำกับเราไว้  สิ้นสลายไป  ไม่ว่าจะเป็นคนแช่ง  ผีแช่ง  เทวดาแช่งก็ตาม  สิ่งใดที่แช่งกินจริง คือ  เกินโทษความผิดของเรา  เช่น  ความผิดระดับด่า  ๑๐  คำ  แต่กลับโดนแช่งเป็น ๑๐๐  คำ  อย่างนี้ส่วนที่สาสมกับโทษกับความผิดจะยังอยู่  แก้ไขไม่ได้ต้องเป็นไปตามกรรม  ส่วนที่เกินมาจึงจะสลายไป

ถาม. ทำอะไรก็มีแต่ติดขัด  คนในบ้านป่วยบ่อย  เป็นเพราะอะไรคะ?

ตอบ.ไม่ใช่แค่นั้นหรอก ที่บ้านคุณก็ติดแบ็งค์อยู่ไม่ใช่เหรอ  (ใช่ค่ะ)  ๓ ใบเลยสิ  (ใช่ค่ะ)  เวลานัดกับใคร เขาผิดนัดทุกที

ของคุณนี้เพราะเขาสาปแช่งเอาไว้  และคุณเคยดูถูกบุญกุศลว่าไม่มี  ชอบโทษฟ้าโทษดินว่าไม่เคยช่วย  (แต่หนูก็ยังทำบุญอยู่ประจำนะคะ)  อีกอย่างที่ดินที่คุณซื้อมานั้น  มันปักเขตล้ำที่ของคนอื่น  เจ้าของเดิมเคยถูกสาปแช่งไว้  ทำให้ค้าขายขาดทุนจนติดหนี้  คุณไปซื้อต่อธนาคารก็เลยโดนหางเลข  ติดจำนองอีกรอบ

ให้คุณไปถอนคำสาปแช่งที่มีอยู่  (ตามเอกสารนี้)  สำหรับที่ดินให้ขุดไปทำบุญ อุทิศให้เจ้าที่เจ้าทางเดิมเขา ทุกอย่างก็จะเป็นปกติ  ทำมาหากินจะสะดวก แต่อย่าลืมว่าต้องมีวินัยในการเงินด้วย ใช้จ่าย เงินในสิ่งที่จำเป็น นึกถึงอนาคตบ้าง และสอนการออมทรัพย์ให้ลูกๆ  ด้วยนะ

โพสท์ใน หนังสือธรรมะ | ใส่ความเห็น

หนังสือ เล่ม 3 คำสารภาพ (ตอนที่ 2)

๑๑. มาแก้ไขกันเถอะ

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว    จึงควรทำการแก้ไขเสียแต่เนิ่นๆ    เป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม  ถ้าทำผิดเล็กน้อย  จัดขันดอกไม้กราบเท้าขอขมาท่านเสียโดยด่วน  แต่ถ้าเห็นชัดๆ ว่าทำผิดกับท่านหนักๆ  หรือดวงตกสุดๆ  ชีวิตกำลังเกิดบนหนทางแห่งความซวยซ้ำซาก  แล้วล่ะก็  คุณควรรีบตัดสินใจ  ลงมือปฏิบัติการขอโชคลาภคืนโดยด่วน  ก่อนที่จะหมดโอกาสแก้ไข???เพราะคนที่โอกาสดีเช่นคุณมีน้อยลงทุกวัน!!!   เมื่อทำแล้วขอรับรองว่า  ชะตาชีวิตที่เคยยุ่งเหยิง  สับสนปนน้ำตาที่คุณกำลังเป็นอยู่  จะดีขึ้นอย่างแน่นอน

ขั้นตอนพิธี  หลังจากที่เจรจาตกลงกับพ่อแม่แล้ว  ให้จัดเตรียมสิ่งเหล่านี้  คือ

  • กระทง  แบบที่ใช้ลอยกระทง  ทำเองได้ยิ่งดี  ปักธูป  ๓  ดอก  เทียน ๒  เล่ม  ข้าวตอกดอกไม้  โรยประดับตามควร  ไม่จำกัดว่าดอกหรือสีใด
  • น้ำขมิ้นส้มป่อย  ๑  ถัง  (ประมาณ  ๑๐  ลิตร)  บางท้องถิ่นใช้น้ำอบ  น้ำหอม  แทนก็ได้ พร้อมขันตักน้ำ  ๑  ใบ
  • กะละมังซักผ้าขนาดใหญ่  ๑  ใบ  พร้อมผ้าขนหนูเล็กๆ  หนึ่งฝืน
  • เงินตามฐานะ  เช่น  ๑๐๐ – ๒๐๐ – ๕๐๐  บาท  เพื่อใช้หนี้เก่า  และเสริมโชคลาภ
  • ผู้ที่พ่อหรือแม่หรือทั้งสองท่านเสียชีวิตไปแล้ว  ให้จัดของกินของใช้พอประมาณ เอาไว้ทำบุญอุทิศให้ท่าน  ดังจะได้ทราบในตอนต่อไป

ของทุกอย่างวางไว้ด้านขวามือ  (ดังภาพ)  พ่อแม่นั่งที่เก้าอี้  แล้วเริ่มขั้นตอนดังนี้

๑.  กราบหลังเท้าพ่อแม่คนละหนึ่งครั้ง  แล้วถือกระทงขึ้น  ตั้งนะโม  ๓  จบ  กล่าวคำขอขมาโทษด้วยเสียงชัดเจนช้าๆ ว่า “.. กายกรรม  วจีกรรม  มโนกรรม  กรรมชั่วอันใดที่ลูกได้ผิดต่อพ่อแม่ด้วย  กาย  วาจา   ใจ  ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ  ทั้งต่อหน้าและลับหลัง  ทั้งจำได้และจำไม่ได้  ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาตินี้  โดยเฉพาะเรื่องเงินทอง  สิ่งของ  การพูดจาว่าร้าย  และความประพฤติที่ทำให้พ่อแม่เสียใจ   กระเทือนใจ  ขอพ่อแม่จงได้โปรดเมตตายกโทษอโหสิกรรม  แก่ลูกด้วยเถิด  เพื่อลูกจะได้สำรวมระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไป..” 

(พ่อแม่พนมมือรับทราบการขอขมาว่า  สาธุ  แล้วรับกระทงจากลูก)  แล้วมอบกระทงให้พ่อหรือแม่  ท่านสาธุรับเอาแล้ว  กราบที่หลังเท้าพ่อแม่  หนึ่งครั้ง

๒.  นำกะละมังซักผ้ามาให้ท่านเหยียบ  แล้วตักน้ำขมิ้นส้มป่อยหรือน้ำอบน้ำปรุง  ที่เตรียมไว้  มาเทล้างเท้าพ่อแม่ช้าๆ  พร้อมพูดความในใจที่ต้องการให้ท่านรับรู้    และขอโทษในความผิดทั้งหลาย  ที่เคยทำมาไม่ว่าชาตินี้หรือชาติใดๆ  ก็ตาม  ขอให้ท่านยกโทษอโหสิกรรมให้  ขอเตือนว่าอย่ามั่วนิ่ม  เทน้ำโดยไม่พูดขอโทษเด็ดขาด  เตรียมคำพูดเอาไว้ด้วย

ส่วนผู้ใดที่เคยพูดด่าใส่หน้าพ่อแม่ด้วยคำเหล่านี้คือ  เบื่อบ้านหลังนี้,  เบื่อคนบ้านนี้,  ไม่อยู่ก็ได้บ้านหลังนี้, ..ขอให้ถอนคำพูดนั้นออกเสียด้วย  มิฉะนั้นแล้วชะตาชีวิตจะต้องระเหเร่ร่อน  อยู่ที่ไหนก็ไร้ความสุข  เปิดค้าขายอะไรก็เจ๊ง  ไร้ที่อยู่อาศัย ไม่มีคนอุปถัมภ์ค้ำชู

 “..ลูกขอถอนคำว่า  เบื่อเหลือเกินบ้านหลังนี้  ไม่อยู่ก็ได้  และลูกขอกลับเข้ามาอยู่   ภายใต้ร่มโพธิ์ร่มไทรของพ่อแม่ตลอดไป  ขอพ่อแม่จงได้เมตตา  รับลูกกลับเข้าสู่ร่มเงา  ใบบุญของพ่อแม่ด้วยเถิด..”

๓.  เมื่อล้างเท้าเสร็จ  ให้ประนมมือก้มศีรษะไปหาพ่อแม่เพื่อให้ท่านกล่าวคำยกโทษให้  โดยพ่อแม่ใช่มือขวาลูบหัวลูกจากกลางหัวไปที่ต้นคอ  ลูบไปเรื่อยๆ  พร้อมกับพูดไปด้วยว่า  “..สิ่งใดที่ลูกได้ทำผิดต่อพ่อแม่  ด้วยกาย  วาจา  ใจ  ไม่ว่าชาตินี้  หรือชาติใดก็ตาม  มาวันนี้  เวลานี้  พ่อแม่ขอยกโทษอโหสิกรรมให้กับลูกทั้งหมดทั้งสิ้น  ไม่ให้เป็นบาปกรรมแก่กันอีกต่อไป..

จากนั้นให้พรลูกว่า  ..บุญกุศลคุณงามความดีทั้งหลาย  จงปกปักรักษาลูกให้มีแต่ความสุขความเจริญ  ปราศจากอันตรายและโรคภัยไข้เจ็บ  ขอให้อายุมั่น ขวัญยืน  ครอบครัวเป็นสุข  ธุรกิจการงานเจริญรุ่งเรือง  พ่อแม่ได้พึ่งพาอาศัยต่อไป..”

ตรงนี้ถ้าต้องการพรอย่างใด  หรือมีอุปสรรคอะไรในชีวิต  ก็ขอพ่อแม่เอาไว้ล่วงหน้า  เพื่อให้ท่านกล่าวคำที่เป็นมงคลแก้ไขให้  ควรเขียนข้อความนี้ให้ท่านเอาไว้เลยจะดีที่สุด  เพราะเท่าที่ประสบพบมา  พ่อแม่ที่พูดยกโทษได้ตามแบบมีน้อย  ส่วนมากเห็นเอาแต่อ้ำอึ้ง  ต้องคอยสอนให้พูดตาม  จะเป็นเพราะซาบซึ้งหรืออะไรก็สุดจะคาดเดา  แต่บางคนก็พูดมากจนกลายเป็นเทศน์สอน  (ถึงว่าลูกได้เสียคน)

๔. เมื่อยกโทษให้ลูกเสร็จแล้ว  พ่อคืนกระทงให้ลูก  ลูกรับมาวางไว้ด้านซ้ายมือของตัวเอง  จากนั้นนำเงินขึ้นมาถือไว้  พนมมือพูดว่า เงินนี้ลูกขอใช้หนี้เก่าคืน  ต่อไปนี้ไม่ว่าสิ่งใดที่ลูกจะปฏิบัติต่อพ่อแม่  ก็ให้ถือว่าเป็นการใช้หนี้เก่าทั้งสิ้น  แล้วนำเงินใส่ในมือให้พ่อแม่

จากนั้นเลื่อนกะละมังออกจากเท้าท่าน  เช็ดให้แห้ง  กราบอีกหนึ่งครั้ง   พ่อแม่ลุกได้   ส่วนลูกนำกระทงไปลอยน้ำ  จะเป็นบ่อ  สระ  หรือลำห้วย  แม่น้ำก็ได้ตามสะดวก  ขอให้เป็นน้ำสะอาด  จะน้ำไหล น้ำนิ่งไม่สำคัญ

จุดธูปเทียนแล้วอธิษฐานว่า  มีเคราะห์เข็ญ  เวรภัยใดๆ  ก็จงไปกับกระทงนี้เถิด  ปล่อยกระทงเสร็จกลับมาที่บ้าน  ให้เอาน้ำล้างเท้าพ่อแม่ในกะละมังนั้น  ไปผสมอาบในห้องน้ำ   ๓ ขันแรกให้เทรดศีรษะ  จากนั้นจึงอาบตามปกติ

เป็นเสร็จพิธีกราบขอขมาโทษต่อแม่ ให้ทำอย่างน้อย  ๓  ครั้งติดต่อกัน ๓  วัน  ผู้ที่ผิดหนักๆ  หรือกรรมเก่ามันเยอะให้ทำ  ๗  ครั้งเต็มพิกัด   ทั้งนี้ให้ทำมากเกินไว้แหละดี  หมดหนี้บาปก็เป็นการเสริมดวงไปในตัว  ได้อาบน้ำล้างเท้าหลายครั้ง

เพราะน้ำล้างเท้าของพ่อแม่ที่ผ่านพิธีขอขมาแล้วนั้น  มีความขลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าน้ำมนต์ของหลวงพ่อใดๆ  สามารถล้างเคราะห์ แก้เจ็บป่วย  ทำลายอาถรรพ์  ได้สารพัดอย่าง  ก่อเกิดกำลังกาย  กำลังใจได้มากยิ่งนัก (ใช้ได้ขลังเฉพาะผู้ทำพิธีเท่านั้นนะจ้ะ คนอื่นไม่เกี่ยว)

ข้อควรรู้อีกนิด

๑. ผู้ที่พ่อหรือแม่เสียชีวิตไปแล้ว  ก่อนการเริ่มพิธีให้อธิษฐานจิตบอกดวงวิญญาณของท่านก่อนว่า  ขออำนาจพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  จงบันดาลให้พ่อแม่  ของข้าพเจ้าได้มารับรู้ต่อการขอขมาในครั้งนี้ด้วยเถิด  ว่า  ๓  ครั้ง  จึงค่อยเริ่มพิธี  คำอธิษฐานนี้เป็นประกาศิต  เปรียบเสมือนหมายศาลที่ผู้เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตาม  แม้ถูกขังอยู่ในนรก  นายนรกก็ต้องนำวิญญาณมาร่วมพิธี

เพราะพิธีนี้เป็นพิธีใหญ่  การทำผิดต่อบุพการี  เป็นเรื่องใหญ่  การขอขมาลาโทษต่อท่านก็เป็นเรื่องใหญ่  แม้จะทำด้วยกันเพียง  ๒-๓  คนก็ตาม  ทางสำนักงานของสวรรค์  และเมืองนรก  ย่อมเปิดสัญญาณออนไลน์ดูและเป็นสักขีพยานตลอดพิธี  ฉะนั้นให้ทำด้วยใจจริงๆ  อย่าทำเล่นๆ เด็ดขาด  เพราะนอกจากไม่ได้ผลแล้ว  ยังจะถูกลงโทษจากสวรรค์ฐานทำการหลอกลวงอีกด้วย

พ่อแม่เองก็ขอร้องว่า  อย่ามั่วนิ่มปัญญาอ่อนจนไม่รู้จักสิ่งควรไม่ควร  ถ้ายังอยากให้ลูกเป็นคนดี  มีความเจริญ  ก็ขอให้ร่วมมือกับเขา  ทำหน้าที่จนกว่าจะครบวันพิธี  จะเป็น ๓  วัน ๕  วัน  ๗  วัน  ก็ต้องอยู่ตรงตามนัด  ที่พูดนี้เพราะเห็นมาบ่อยว่า  พ่อแม่ไม่ยอมอภัยให้ลูก ไม่ยอมให้ลูกขอขมา  หรือเสียสติจนคิดเอาเองว่า  ลูกฉันไม่เคยทำผิด  ไม่ต้องทำพิธีหรอก  แค่สำนึกผิดก็พอแล้ว  ฉะนั้นหากเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับลูกก็ห้ามเสียใจเป็นอันขาด

๒. ผู้ที่พ่อหรือแม่เสียชีวิตแล้ว  เมื่อมาถึงขั้นตอนที่ ๔  หลังเอาเงินไปใช้หนี้พ่อแม่เสร็จแล้ว  ให้เอาของทำบุญที่จัดไว้  มอบให้กับพ่อหรือแม่ที่รับการขอขมาอยู่นั้น  พร้อมอุทิศบุญ เช่น  ถ้าพ่อเสียแล้ว  ก็มอบของให้แม่แล้วพนมมืออุทิศบุญทันทีว่า..บุญนี้จงเป็นทุกสิ่งแก่พ่อของข้าพเจ้า.

การขอขมาพ่อแม่ผู้วายชนม์

สำหรับผู้ที่พ่อแม่เสียชีวิตแล้ว  ให้ไปทำพิธีกับญาติผู้ใหญ่  หรือกับพระสงฆ์  ที่ตนเคารพนับถือ  บอกกล่าวให้ท่านเข้าใจ  หรือเอาหนังสือเล่มนี้ให้ท่านอ่าน  เพื่อให้ท่านเป็นสักขีพยานให้  ซึ่งมีข้อความรู้อีกนิด  คือ

อธิษฐานจิต  บอกดวงวิญญาณของพ่อแม่ก่อนเริ่มพิธีว่า  “ขออำนาจพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  จงบันดาลให้พ่อแม่ของข้าพเจ้าได้มารับรู้ต่อการขอขมาในครั้งนี้ด้วยเถิด”  ว่า  ๓  ครั้ง

เมื่อกล่าวคำขอขมาจนถึงคำสุดท้ายแล้วให้ต่อด้วยคำนี้  “ขอท่านอาจารย์จงเป็นพยานในการขอขมาในครั้งนี้ด้วยเถิด  เพื่อข้าพเจ้าจะได้สำรวมระวังต่อไป”  เสร็จแล้วประเคนกระทงให้พระสงฆ์

พระสงฆ์  กล่าวสาธุ  รับประเคนกระทงมาถือไว้ทั้งสองมือ  แล้วกล่าวยกโทษให้ว่า

“..กายกรรม  วจีกรรม  มโนกรรม  กรรมความผิดอันใดที่โยม/คุณ…(ใส่ชื่อ)….ได้ทำผิดต่อพ่อแม่ด้วยกาย  วาจา  ใจ  ตั้งแต่อดีตชาติ  จนถึงปัจจุบันชาติ นี้  บัดนี้ก็ได้มาขอขมาลาโทษโดยมีพระสงฆ์เป็นพยาน  ขออำนาจพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  จงบันดาลให้พ่อแม่ของคุณ……(ใส่ชื่อ)…….  ได้มารับรู้   ต่อการขอขมาในครั้งนี้ด้วยเถิด  และจงมีเมตตาจิต ยกโทษอโหสิกรรมแก่ลูก  เพื่อไม่ให้เป็นบาปกรรมแก่กันอีกต่อไป  บุญกุศลคุณงามความดี  อันใดที่อาตมาภาพ  ผู้เป็นสักขีพยานในการขอขมาครั้งนี้  ได้บำเพ็ญมาแล้ว ขอบุญกุศลคุณงามความดีนั้น  จงมาบำบัดความทุกข์  บำรุงความสุข  และบันดาลโชคลาภ  วาสนา  แก่คุณ……………. ตลอดไปเทอญ..”

เสร็จแล้วคืนกระทงให้โยม  จากนั้นนำกระทงไปลอย  อธิษฐานดังบทก่อน  และให้ไปทำต่อเนื่องจนครบ ๗ ครั้ง  อย่างช้าภายใน ๑๕ วันจะได้ผลชัดเจนที่สุด

ในกรณีนี้ต้องขอกราบขอร้องพระสงฆ์ท่านว่า  ให้อนุเคราะห์ญาติโยมด้วย  ไม่ใช่ว่าไม่มีซองแล้วจะอ้างว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์  ธรรมดาพระสงฆ์กับชาวบ้านควรได้อนุเคราะห์กันและกันด้วยน้ำใจอันงาม  จึงจะดำรงศีลธรรมให้อยู่คู่สังคมได้  อย่าหวังผลประโยชน์ทางด้านวัตถุมากนัก  ขอนิมนต์ให้มุ่งเน้นศีลธรรม  จารีตประเพณีอันอบอุ่นดีงาม  ของสังคมเป็นประการสำคัญ

พบเห็นบ่อยๆ  ว่า  แม้แต่เรื่อง  บาป  บุญ  คุณโทษ  อันเป็นพื้นฐานของมนุษย์  พระสงฆ์เองก็หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึง  แล้วจะให้ญาติโยมประชาชนคนทั้งหลายเอาอะไรมามายึดเป็นหลักในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องได้เล่า

๑๒. เมื่อชีวิตเริ่มต้น

ขณะทำพิธีขอขมานั้น  ทั้ง ๓  แดนโลกธาตุ  คือ  มนุษย์  สวรรค์  และนรก  ย่อมรับทราบสัญญาณจิตของพ่อแม่ลูกตลอดเวลา  ภาพเสียงขณะทำพิธีนี้จะถูกถ่ายทอดสดไปยังห้องทำงานของนรก  เพื่อฟังคำยกโทษอโหสิกรรมของพ่อแม่  โดยจะเน้นที่คำว่า  “พ่อแม่ขอยกโทษอโหสิกรรมให้กับลูกทั้งหมดทั้งสิ้น  ไม่ให้เป็นบาปกรรมแก่กันอีกต่อไป” ทันทีที่พูดประโยคนี้จบ  ศาลเมืองนรกจะเริ่มลบคดีออกจากแฟ้มข้อมูล  เริ่มลดโทษลดความร้อนของไฟนรกลงเรื่อยๆ  เมื่อทำพิธีครบจำนวนครั้งที่กำหนด  ไฟนรกในคดีนี้ของลูกคนนั้นจะดับสนิทลงทันที

ไอร้อนของไฟนรกที่เคยแลบเลียขึ้นมาเผากาย  จิต  ชีวิตการงาน  ให้เร่าร้อน  วุ่นวายอยู่นั้น  จะเริ่มเย็นลง  สถานการณ์เลวร้าย  มรสุมชีวิตจะเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี  วิถีชีวิตจะสงบสุขขึ้น

สาวสวยคนหนึ่ง  อายุ  ๔๑  ปี  สามีดื่มเหล้าโวยวาย  ใช้เงินเปลือง  ส่วนเธอก็มีปัญหากับนายจ้าง  ในภาวะคับขันของชีวิต  เธอเคยพยายามฆ่าตัวตายแล้ว  ๓  ครั้ง  ได้บอกเธอว่าถ้าทำอีกครั้งจะตายสมใจไร้อุปสรรค  แต่จะต้องไปตกนรกแน่นอน  อีกทั้งพ่อแม่เธอจะเสียใจมากเลยนะ

(เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนี้คะ)    จำได้ไหม?  เมื่ออายุ  ๑๗  เธอเคยทำอะไรไว้   รู้ใช่ไหมว่า  พ่อแม่เสียใจขนาดไหน  ยังจำใบหน้าเปื้อนน้ำตาของแม่วันนั้นได้หรือเปล่า  และชีวิตที่ต้องระหกระเหิน  อยู่ที่ไหนก็ทุกข์กาย  ลำบากใจ  รู้ไหมว่าเพราะอะไร?

ไม่อยู่แล้วบ้านหลังนี้  เบื่อคน!  ก่อนออกจากบ้านเธอพูดคำนี้  ใช่ไหม? (ใช่ค่ะ)  รู้ไหมว่ามันเจ็บปวดหัวใจของพ่อแม่ขนาดไหน  ในเมื่อบ้านเกิดเมืองนอน  พ่อแม่อยู่ตรงกัน  เธอยังกล้าตัดสายสัมพันธ์พ่อแม่ลูก  ลบล้างแผ่นดินเกิด  ดวงชะตาเธอจึงอับแสง  เป็นบุคคลต่างด้าว  ไร้สัญชาติทางโชคชะตา

ที่เธอพยายามฆ่าตัวตาย     เพราะว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำ  ให้แม่อับอายเสียใจมาก  จนคิดอยากตายให้พ้นๆ..  ไม่เชื่อโทรไปถามแม่เธอได้เลย

เธอยอมรับผิดทั้งน้ำตา  ร้องขอวิธีแก้ไขบาปกรรม  และปลดทุกข์ที่ต้องแบกภาระอยู่นี้  จึงให้เธอทำพิธีขอขมาพ่อแม่  และถอนคำพูดที่ว่าเบื่อบ้านหลังนี้ออกด้วยแล้วให้กราบเท้าขออยู่ใต้ร่มโพธิ์ร่มไทรของพ่อแม่ตลอดไป  เคราะห์กรรมที่เป็นอยู่ก็จะหายไป

สองเดือนให้หลังเธอเดินทางมาขอบคุณด้วยรอยยิ้ม  สามีเลิกเหล้า  มารับส่งตามเวลา  นายจ้างขึ้นเงินเดือนให้  และเธอยังได้แนะนำคนอื่นให้ทำตามอีกด้วย  เธอจึงเป็นพยานแก่ตัวเองได้ว่า  บาป บุญ มีจริง  ประจักษ์ชัดแก่ตัวเองโดยไม่ต้องคอยเชื่อตามใครอีกต่อไป

๑๓. บาปบริสุทธิ์

ลูกต้องชัดเจนในเจตนาและคำพูดที่จะขอขมาลาโทษ  พ่อแม่ก็ต้องชัดเจนในการยกโทษอโหสิกรรมแก่ลูก  อย่าสักแต่ว่าทำ  ฟ้าดินท่านดูอยู่  เพราะเรื่องใหญ่ของโลกมนุษย์ คือ  สถาบันครอบครัว  ความประพฤติ ชั่ว ดี ในบ้าน  ย่อมก่อเกิดชะตาลิขิตกับคนในครอบครัวนั้น  ไปชั่วลูกชั่วหลาน

อุปนิสัยความประพฤติในครอบครัวใด  ย่อมมีผลบันดาลชะตาชีวิตแก่คนในครอบครัวนั้น  พ่อแม่จึงเป็นพระพรหมที่ลิขิตได้ทั้งโชคลาภวาสนา  หรือเคราะห์หามยามร้ายแก่ลูก  ดังนั้น จึงควรคิดให้ดีก่อนจะพูดจะทำอะไรลงไป

หลายคนมาปรับทุกข์เรื่องลูก  ไม่เรียนบ้าง  ขี้เกียจเกเรบ้าง  ชอบก่อเรื่องบอกสอนไม่ฟังบ้าง  ว่ามากๆเข้าก็หนีออกจากบ้าน  ต้องตามหากันวุ่นวาย  สุดท้ายเจอตัวที่โรงพัก  โอ้…อนิจจาหนอชีวิต  เมื่อแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้  พ่อแม่ก็ทะเลาะกันเอง  ลูกฉัน  ลูกเธอ  ลูกเรา

เลยถามว่าเลี้ยงลูกอย่างนี้ใช่ไหม?  ดูแลเอาใจใส่ทุกอย่าง  คิดแต่ว่าเขายังเด็กทำอะไรไม่เป็น  โตแล้วค่อยสอนมัน  รอจนโตก็ยังทำอะไรเองไม่เป็น  กินข้าวก็ไม่รู้จักล้าง  วางของ  ถอดรองเท้าก็ระเกะระกะ  ต้องคอยไปเก็บให้  ที่นอนหมอนมุ้งก็ไม่ซัก  ชุดเรียน  ชุดทำงานก็ไม่สน  ห้องน้ำก็ไม่เคยล้าง  แม่มันทำให้ทั้งนั้น..

ลูกเทวดาของแม่  เมื่อไหร่จะเป็นผู้เป็นคนกับเขา  จะต้องให้พ่อแม่คอยตามล้างตามเก็บอีกนานสักปานใดหนอ..  ได้แต่ไปถามหมอดูว่า  ชีวิตนี้จะได้พึ่งลูกไหมคะ?  โอ..อันนี้  ตอบแทนหมอดูได้เลยว่าหมดสิทธิ์  เพราะสิ่งที่คุณทำอยู่นั้น  มันเป็นบาปบริสุทธิ์  ที่มีผลกระทบกับดวงชะตาของลูกโดยตรง  ทำให้ขัดโชคขัดลาภ    เรียนจบยาก  ทำงานเป็นวัวเป็นควายเงินเดือนก็ไม่ขึ้น  ขยับปากเถียงก็มีสิทธิ์ถูกเชิญออก

ถ้าแต่งงานไปก็กลายเป็นขี้ข้าเขา  ต้องกลายเป็นคนรับใช้ประจำบ้าน  หาข้าวให้เขากิน  หาเงินให้เขาใช้  ช่วยใช้หนี้ให้  ถึงทำดีขนาดนั้น  ยังถูกแนะแหนว่า  เขยขี้เกียจ  สะใภ้ขี้บ่น  จนพ่อแม่ทนดูไม่ไหว  ต้องแอบส่งเงินส่งของจุนเจือ  สงสารมันว่างั้นเถอะ  นึกว่าจะดีขึ้นกับเลวร้ายลง(ไม่พ้นต้องเลี้ยงมันอีก  เวรกรรม)

จริงดังว่าค่ะ  ไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆ นะว่าผลมันจะเป็นอย่างนี้  ไปฟังเทศน์บ่อยๆ ก็ไม่เห็นท่านพูดเรื่องแบบนี้เลย  หรือว่าพระท่านเทศน์เกินความทุกข์ของญาติโยม.?  (โถ…เรื่องของตัวเองไปว่าคนอื่น)  แล้วจะมีทางแก้ไขหรือให้ทำอย่างไรคะ?

๑๔. วิธีหยุดเคราะห์  สร้างโชคลาภ

 สิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือ  พ่อแม่ต้องหยุดการทำตัวเป็นขี้ข้าลูกให้ได้     เพราะตามธรรมดา   คนเรานั้นถ้าอายุ  ๒๐  ปี    ก็ถือว่าบรรลุนิติภาวะ  จัดเป็นผู้ใหญ่แล้ว  สามารถบวชพระเพื่อทดแทนคุณพ่อแม่  เข้าเป็นทหารเพื่อรับใช้ชาติ  ฉะนั้นหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิต  ต้องจัดการได้ด้วยตัวเอง  คือ  ดูแลตัวเองได้  ช่วยเหลือคนอื่นได้  และพ่อแม่พึ่งพาอาศัยได้

หากยังมาทำสำอางค์ให้พ่อแม่ตามเก็บ  ตามล้างอยู่อย่างนี้  ดวงตกแน่นอน  ไม่ต้องหวังความโชคดีใดๆในชีวิต  เรียกว่าเตรียมกายเตรียมใจ  เอาไว้รับความซวยซ้ำซากได้เลย  ถ้าคุณผู้อ่านมีพฤติกรรมไม่น่ารักเข้าข่ายนี้  ก็คงรู้ชะตากรรมตัวเองดีแล้วนะ  ถ้าเช่นนั้นเรามาปรับเปลี่ยนดวงชะตากันเสียแต่วันนี้ดีกว่า  ก่อนที่จะสายเกินแก้..

โดยคุณต้องเจียดเงินเดือนละ  ๒๐๐  บาทเป็นอย่างต่ำ  ถ้าเป็นน้องๆนักเรียนนักศึกษา  เราขอเดือนละ  ๕๐  บาท  นี้คือขั้นต่ำสุด จะให้มากกว่านี้ก็ได้  เอามาทำอะไรรู้มั้ย?  เอามาเป็นค่าอาหารเลี้ยงท่าน  คือ  ซื้อข้าวสาร  กะปิ  น้ำปลา  ซอส  ซีอิ้ว    อย่างละขวดสองขวดบางเดือนก็เพิ่มจานช้อนแก้วน้ำเข้าไป..  เพื่ออะไร?

เพื่อเป็นการเลี้ยงพ่อแม่  ให้ท่านได้กินข้าวของเรา  ทำอาหารก็ใช้เครื่องปรุงของเรา  กินข้าวก็จานช้อนลูก ดื่มน้ำก็แก้วลูก  คุณเอ๋ยลองคิดดูเถิดว่า  ท่านจะมีความสุขกายสบายใจขนาดไหน  ไม่ต้องรอความหวังลมๆแล้งๆว่า เรียนจบแล้ว  ทำงานแล้วหนูจะกลับมาเลี้ยงพ่อแม่  ซึ่งอีกกี่ชาติก็ไม่รู้

เลี้ยงท่านในวันนี้เลยดีกว่า  ให้ผลเร็วทันตาเห็น  เพราะเมื่อพ่อแม่กิน ใช้ ของเราอยู่นั้น  พลังความรักความปรารถนาดีต่อลูก  บวกกับพลังบุญกุศล  แรงกตัญญูของลูก  จะส่งคลื่นความสุข  ความมุ่งมั่น  กำลังกาย  กำลังใจ  ไปก่อเกิดเป็นความเจริญรุ่งเรืองแก่ลูก  เมื่อพากเพียรทำสิ่งใดย่อมได้ดีและสมปรารถนาแล

(หนูเรียนอยู่ต้องอาศัยเงินพ่อแม่ จะทำอย่างไร อยากทำบ้าง?)  ได้เลยลูก  ให้หนูตกลงกับพ่อแม่เลยว่า  เงินค่าเรียนหนูนั้น  หนูขอมอบเป็นค่าเลี้ยงดูพ่อแม่เดือนละ  ๕๐  บาท  ให้แม่ซื้อข้าวสาร  และของใช้ในครัว  และต้องกินต้องใช้ให้หนูด้วย  หนูจะได้มีอนาคตที่สดใส  มีคนรักเมตตา  และอุปถัมภ์คำชู

ท่านให้เดือนละ  ๕,๕๐๐  บาท  หนูก็รับแต่ให้ท่านส่งมาเพียง  ๕,๔๕๐  บาท  ด้วยวิธีนี้หนูก็ได้เลี้ยงดูพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก..  ๑๖ ชั้นฟ้า๑๕ ชั้นดินจะเกิดการสะเทือนโกลาหลด้วยคำสรรเสริญ  และยังเป็นการหยุดเคราะห์ร้าย  สร้างเสริมดวงโชคลาภแก่หนูอีกด้วย    ต่อไปหนูจะสมหวังในสิ่งที่ต้องการ

หญิงคนหนึ่ง  สามีติดเหล้า  ติดยาบ้า  ขี้เกียจทำงาน เป็น อศม.  (อาศัยเมีย)   ลักเงินเมียเป็นกิจวัตร   บางวันก็เลี้ยงเมียด้วยศอกเข่า  เธอมาขอคำปรึกษา  ทำอย่างไรจะดีขึ้น  ทุกข์มาก  สวดมนต์ทุกวัน  จะเลิกกันก็สงสารลูก?

คิดถูกแล้วล่ะ  จึงบอกให้เธอไปเลี้ยงพ่อแม่  เอาข้าวสาร  เอาเครื่องครัวไปส่งแม่ทุกเดือนนะ  จากนั้นหลายเดือนเธอมาเล่าให้ฟังว่า  สามีเลิกยา  กินเหล้ามีบ้าง  แต่ที่ดีกว่านั้นคือเขาไปวัดกับหนู  ทั้งที่ไม่ได้ชวน  ดีอย่างนี้ค่อยน่าอยู่ด้วยหน่อย  เธอเล่าพร้อมรอยยิ้ม  เลยบอกว่าเมื่อเห็นผลแล้ว  ก็จงมีกำลังใจในการทำดีต่อไปเถอะนะ..

เธอคนหนึ่งเล่าว่า  พึ่งพาอาศัยใครไม่ได้  ช่วยเรานิดเดียวก็ทวงบุญคุณไม่เลิก  เมื่อดูลายมือแล้ว  จึงบอกว่า  เป็นกรรมที่ชาติก่อนเธอย้ายหนีไปต่างถิ่น  ไม่เคยมาเหลียวแลพ่อแม่พี่น้อง  อ้างแต่งาน  อ้างแต่ไม่พร้อม  ที่จริงแล้วกลัวถูกด่าข้อหาหนีตามผู้ชาย  แถมยังลักเงินไปด้วย

ชาตินั้นยังไม่ได้แทนคุณท่าน  หนี้ก็ยังไม่ได้ใช้คืน  มาชาตินี้พี่น้องจึงจ้องขูดรีดอาศัยกับเธอ  พ่อแม่ก็เข้าข้างน้อง  สรุปว่าเธอผิดตลอด  ให้ไปทำพิธีขอขมาลาโทษกรรมในอดีตและเอาเงินไปใช้หนี้ท่าน  ต่อไปส่งเงินเลี้ยงท่านเป็นรายเดือน  ระบุชัด  ห้ามเก็บ  ห้ามเอาไปให้ใคร  เลี้ยงก็คือเลี้ยง  ไถ่บาปให้ลูกด้วย

จริงๆ  นะพ่อแม่หลายคนก็น่าตีเจ็บๆ    เงินลูกบอกให้ใช้ให้กิน  เพื่อไถ่บาป  เพื่อใช้หนี้เก่า  ก็รู้สึกว่าจะฉลองศรัทธาผิดวัตถุประสงค์อยู่เรื่อย  เอาไปทำบุญก็สาธุอยู่หรอก  แต่ควรดูวัตถุประสงค์ของลูกด้วย  จึงจะเกิดผลดีกับลูกดังที่ปรารถนา

โพสท์ใน หนังสือธรรมะ | ใส่ความเห็น

หนังสือ เล่ม 3 คำสารภาพ (ตอนที่ 1)

คำนำ

คำสารภาพ เล่มนี้เกิดจากข้อมูลจริง ประสบการณ์จริง ปัญหาจริง ที่ข้าพเจ้าได้รับรู้จากผู้มาขอคำแนะนำ หลายคนก็หลายมิติ และมุมมอง

ผู้คนที่ต้องเกี่ยวข้อง แนะนำ และให้กำลังใจ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่นั้น มีจำนวนไม่น้อยที่เป็นญาติต่างภพภูมิดลใจให้มา เพื่อผลแก่ดวงวิญญาณนั้นเอง และเพื่อคนที่เป็นญาตินั้นด้วย ดังนั้นคำแนะเพื่อการแก้ไขจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องพูดพาดพิงเกี่ยวข้องกับวิญญาณ เปรต ผี ยักษ์ นาค เทวดา

จากการแนะนำ ช่วยเหลือมาเป็นปีที่ ๓ มีผู้นำไปใช้สำเร็จตามต้องการ จึงได้มีผู้หวังประโยชน์ที่กว้างขึ้น ได้ขอร้องให้บันทึกคำแนะนำทั้งหลายที่เคยใช้มา เพื่อพิมพ์เป็นเล่มแบ่งปันให้ผู้ที่อยู่ห่างไกลได้รู้ และใช้คำแนะนำนั้นมาแก้ไขปัญหาของตนเองได้

และขอให้เขียนด้วยภาษาบ้านๆ เพื่อจะได้เข้าใจง่าย สบายใจที่จะคิด และลงมือทำตาม เมื่อหลายฝ่ายเสนอ ข้าพเจ้าก็ขอสนองตอบด้วยประการฉะนั้นแล และเพื่อความสบายใจของท่านผู้อ่านตั้งแต่ต้น จึงขอเรียนให้ทราบว่าเรื่องราวที่นำมาประกอบนั้น ได้จากการดูลายมือเป็นหลัก มิใช่ข้าพเจ้ามาอวดเก่งด้วยตาทิพย์หรือญาณวิเศษใดๆ ไม่

อีกทั้งขออนุญาต ที่จะไม่เปิดเผยชื่อเสียงเรียงนามของผู้ถาม เพราะในการช่วยเหลือแนะนำนั้น ข้าพเจ้าถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล จึงไม่สามารถบันทึกเสียงมาเผยแพร่แก่บุคคลอื่นได้ คำแนะนำนั้นจึงจำเพาะบุคคลและล่องหนไปกับอดีตตามเดิม

อนึ่ง หนังสือเล่มนี้ มุ่งเน้นที่ความมั่นคง ความอิ่มสุขในครอบครัวเป็นสำคัญ เพราะข้าพเจ้าเล็งเห็นว่า หากภายในครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ทำมาหากินสะดวกสบายแล้ว การที่คนเราจะใฝ่ธรรม ไปทำบุญรักษาศีลภาวนานั้น ก็จะเป็นการง่ายและเกิดผลสำเร็จในสิ่งที่ทำนั้นด้วย ดังที่หลายครอบครัวได้มานับหนึ่งที่นี่ แล้วเอาพื้นฐานความรู้นี้ไปต่อยอดกับวัดต่างๆ จนมีผลประจักษ์แจ้งแก่ตนเอง สาธุ

ข้าพเจ้าหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า คำสารภาพ เล่มนี้ จะเป็นกุญแจชีวิต เพื่อไขประตูสู่หนทางแห่งความสำเร็จ สร้างความมั่นคงให้แก่ตัวคุณเอง และครอบครัวอันเป็นที่รัก คำสารภาพทั้งหลายในหนังสือเล่มนี้จะเป็นแสงไฟในถ้ำมืดของชีวิต ช่วยให้คุณพบหนทางและแรงบันดาลใจ ที่จะสู้และสร้างความอยู่เย็นเป็นสุข แก่ตนเองและครอบครัว ตลอดไป

ขออนุโมทนาสาธุการ กับสายธารศรัทธา ทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการจัดพิมพ์ในครั้งนี้ ขออานิสงส์นี้ จงเป็นเกราะคุ้มภัย เกิดก่อพลังชีวิต ความมุ่งมั่น โชคลาภ และผลสำเร็จแก่ท่านทุกประการ

ด้วยรักจากใจ

ชัย วัชระ

สิงหาคม ๒๕๕๕

๑. หลากหลายปัญหาชีวิต

อาจพูดได้ว่า ทุกคนมีปัญหา ทุกชีวิตมีอุปสรรค เพราะเท่าที่เคยสังเกตกับตนเอง หรือดูจากชีวิตของหลายๆ คน ล้วนบ่งชี้ว่าเป็นไปในด้านลบ บ่อยครั้งเราต้องร้องไห้ และเรียกหาความยุติธรรมซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ก็เหมือนตะโกนไปในท้องถ้ำที่มืดมิด ที่เหมือนไม่มีใครยอมที่จะใส่ใจ รับรู้ ต่อความทุกข์ที่เรากำลังประสบอยู่เลย หรือ.? เสียงร่ำร้องของเรา ที่ดังก้องกลับมานั้นคือคำปลอบใจ

จริงดังที่ว่าคุณเอ๋ย ใครไม่เคยทุกข์ก็คงไม่รู้รสชาดของมัน ฉะนั้น น้ำตา จึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ใช้ได้ผลเสมอ จนมีคนกล่าวว่าน้ำตาเป็นมิตรที่ดีที่สุด ก็คงจะจริงของเขานะ คุณเองก็เคยใช้บริการของมันบ่อยๆ มิใช่หรือ?

หากจะว่าไปแล้ว ปัญหาทั้งหลายแหล่เหล่านั้น มันย่อมมีที่มาทั้งนั้นแหละ อยู่ดีๆ จะให้โผล่พรวดพราดมาเองก็ใช่ที่ เรียกว่า องค์ประกอบครบองค์ประชุมมันก็ ยื่นญัตติ อภิปรายไม่ไว้วางใจเราขึ้นมาทันที ทีนี้ล่ะคุณเอ๋ย สนุกกันใหญ่ ถ้าตั้งหลักไม่ทัน ก็มีสิทธ์ถูกสอยร่วงเอาได้ง่ายๆ

บางคนทะเลาะกับแฟน บางคนคับแค้นใจกับลูก (บางรายฆ่ามันทิ้ง โทษฐานเป็นหัวมารหัวขน ฉะนั้นพวกเราที่รอดตายมาได้ ก็ควรสร้างแต่ความดีนะจ๊ะ) บางคนไม่ถูกกับพ่อแม่ทะเลาะกันกระจาย บางคนต้องขายที่ไร่ที่นา เพราะหากินไม่พอใช้หนี้ บางคนล้มละลายเพราะไปค้ำประกันเขา บางคนชีวิตมีแต่ปัญหาไร้ญาติขาดมิตร ค้าขายก็ขาดทุน ผู้ใหญ่ก็ไม่หนุน มีเรื่องวุ่นวายไม่เคยจบ บางรายอาการประสาทกำเริบ จนต้องนอนโรงพยาบาล บ้านก็ถูกยึด แฟนก็ทิ้ง ลูกก็เกเร หมดหวังทุกสิ่งเลยคิดฆ่าตัวตาย

โอ๊ย! สารพัดปัญหาที่ทุกข์อกคับใจ เหมือนซากเดินได้ นึกว่าลุกมาจากหลุมขยะ จะไปที่ไหนก็มีแต่คนทักว่า อาการไม่ดีเลย ท่าดวงจะตก เลยต้องวิ่งไปเสริมบารมีกันเป็นแถว ที่ถูกต้องตามกฎแห่งกรรมก็ดีไป หายเคราะห์หายโศก แต่ที่ถูกหลอกก็มากมายเหมือนกัน คิดแล้วก็น่าเห็นใจ

อะไรก็ช่างเถอะคุณเอ๋ย ขึ้นชื่อว่าชีวิต กรรมลิขิตให้เป็นไป จะให้อะไรๆ มันสำเร็จดีดั่งใจไปหมดก็คงยาก คิดดูเถอะฤดูฝนแท้ๆ รู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง คุณฝนเธอก็ยังเล่นตัวไม่ตกเอาเสียดื้อๆ ให้ข้าวกล้าแห้งตาย ดูน้ำตาชาวนาเล่นซะงั้น ดวงชะตาคนไม่มีฤดูนะจ๊ะ แล้วจะให้มันเป็นดั่งใจได้งัยเน๊าะ มันก็ต้องทำใจกันบ้างล่ะน่า! มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ รักษากำลังใจอย่าให้ตก แล้วทุกอย่างมันจะกระเตื้องขึ้นเองหรอก เชื่อสิ!

มีปัญหาก็ต้องมีทางแก้ ซึ่งก็สุดแต่ว่าจะแก้ไขได้ตรงจุดหรือไม่เท่านั้น เพราะบางทีมันก็เกิดจากหลายสาเหตุพัวพันกันหลายอย่าง เหมือนคนป่วยหลายโรค หลายสาเหตุ หมอเขาต้องให้ยาไปตามสภาพของโรคนั้นๆ การแก้ไขเคราะห์หามยามซวยก็เช่นกัน ต้องค่อยๆ แก้ไขไปทีละเปราะ กะเทาะกันเป็นชั้นๆ แล้วมันก็จะบรรเทาเบาบางจางหายไป เหลือไว้แต่โชคลาภอันพึงประสงค์ สงสัยล่ะซิว่ามีขั้นตอนแบบนั้นด้วยหรือ งั้นตามมาดูกันเลย รับรองเปิดโปงทุกประเด็นเลยเชียว

๒. บาปกำเนิด

บทก่อนพูดถึงความหลากหลายของปัญหาชีวิตไปแล้ว บทนี้ขอนำคุณผู้อ่าน มาดูสาเหตุบางอย่างที่คุณไม่ต้องไปหาหมอดูหรือทำพิธีแก้ แต่ให้ผลดีเป็นที่ประจักษ์ชัดมาแล้วหลายราย

อันดับแรกให้หลับตาคิดย้อนไปในอดีต ตั้งแต่คุณยังเด็กๆ ประมาณว่าตั้งแต่จำความได้เป็นต้นมา คิดดูให้ดีว่าได้เคยทำสิ่งเหล่านี้กับพ่อแม่ ผู้มีพระคุณหรือไม่? เช่น การลักเงิน แม้จะบาทสองบาทก็ตาม หรือสิ่งของอื่นๆ เคยล้างผลาญสมบัติพัสถาน เทือกสวนไร่นา อันเป็นของท่าน หรือได้รับมรดกตกทอดมาจากท่าน ด่าว่า ทุบตี โต้เถียง เอาเป็นเอาตายกับท่าน แสดงอาการดื้อรั้นบอกสอนไม่เคยสนใจ

หรือประพฤติตนนอกลู่นอกทาง ทำให้ท่านเสียใจ กระเทือนใจ จนต้องร้องไห้น้ำตานองหน้า กระทืบเท้าใส่ ชี้หน้าด่า หรือหนีออกจากบ้านก็ตาม คิดโกรธแค้น ชิงชัง อยากหนีให้พ้นหน้า หรืออยากฆ่าให้ท่านตายก็ตาม ทำประชดประชันท่านเพื่อให้สะใจเล่น แม้แต่คุณลูกเทวดาทั้งหลาย ก็อย่าได้ลืมในสิ่งที่ตนเคยทำไว้นะจ๊ะ

มีผู้กล่าวไว้ว่า ของถูกและดี-ของฟรีไม่มีในโลก เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราไว้ทำกับพ่อแม่ หรือผู้มีอุปการะเลี้ยงดู (ในกรณีที่ขาดพ่อแม่) แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ล้วนมีผลที่จะตอบสนอง ก่อความซวยให้เราได้ทั้งนั้น และที่น่ากลัวก็ตรงที่มันมีดอกเบี้ยแถมมาให้ด้วย เป็นดอกเบี้ยที่โหดเหมือนเงินกู้นอกระบบเลยเชียวล่ะ!

เพราะอะไรน่ะหรือ? เพราะพ่อแม่นั้นมีพระคุณอันสูงส่งยิ่ง ท่านจัดเป็นอันดับท๊อป เป็นขั้นอรหันต์ ไม่ใช่แค่ขั้นเทพธรรมดาๆ นะจะบอกให้ ฉะนั้นแล การที่ผู้เป็นลูกไปล่วงเกินท่านเข้า มันจึงก่อให้เกิดมลพิษมลภาวะต่อโชคชะตา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

มีผู้เถียงว่า อย่างนี้ก็ไม่ยุติธรรมน่ะสิ เพราะหลายครั้งมากๆ ที่พ่อแม่เอง เป็นต้นเรื่องก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้าน แล้วก็พาลมาลงที่ลูก อุสาหกรรมการทะเลาะวิวาทในครอบครัวจึงเกิดขึ้น และดำเนินไปด้วยความระหองระแหงอันราบรื่น (เพราะชาวบ้านเขาเอือมระอาเต็มทน)

ฟังแล้วก็น่าเห็นใจ เพราะมันเป็นภาวะจำยอม ที่พ่อเมาแล้วอาละวาดทุบตีแม่ ถ้าไม่ช่วย แม่ก็ตกเป็นกระสอบทรายตายคาตีนเอาได้ง่ายๆ จึงกลายเป็นภาระหนักของลูก ที่จะต้องสลายการวิวาท ภารกิจขอคืนพื้นที่จึงเกิดขึ้น กำปั้นบ้าง ไม้กวาดบ้าง มีรายหนึ่งทุ่มหัวพ่อด้วยลำโพงขนาดย่อม (นัยว่ายอมเสียสละ?) กว่าทุกอย่างจะยุติ ละครหลังข่าวก็จบพอดี พร้อมกับความกังวลว่า พรุ่งนี้จะเกิดเหตุอีกไหม? แล้วเราจะต้องทำบาปอย่างนี้อีกหรือเปล่า? มีเด็กหญิงคนหนึ่ง เธอกระโดดกอดพ่อ ขอร้อง..พ่ออย่ายิงแม่หนู

แม้ว่าเบื้องหลังของหลายครอบครัวจะเป็นแบบนี้ และยังคงดำเนินต่อไปอยู่ก็ตาม ก็ขอให้ลูกๆ เหล่านั้นได้ตั้งสติ ค่อยคิด ค่อยทำ ค่อยแก้ไขไป ทางออกที่ดีต้องมีอย่างแน่นอน ส่วนพ่อแม่ถ้าอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ ขอให้ยั้งคิดด้วยว่า ครอบครัวคือสมบัติที่ล้ำค่าของพวกท่าน ความรัก ความหวัง กำลังใจ ล้วนก่อเกิดจากที่นี่ ที่ที่ต้องการความอบอุ่นและปลอดภัยต่อกัน ที่ที่มากด้วยคุณค่า ซึ่งเงินก็ซื้อไม่ได้ ที่ที่คุณเคยคาดหวังให้มันเป็นที่พักกาย พักใจ ยามเหนื่อยล้าจากการงาน ที่ที่มีเสียงหัวเราะ ที่ที่คุณเฝ้าฝันอยากจะมีเพื่อเติมเต็มในชีวิต นั้นคือคำว่าบ้านของเรา ครอบครัวของเรา นี้คือสิ่งที่คุณสองคนแสวงหามัน จนครึ่งค่อนชีวิต มิใช่หรือ?

๓. ความรักอันน่ากลัว

ข้อผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจของพ่อแม่ และลูกควรให้อภัย มีเพียง ๓ ข้อเท่านั้น คือ

๑. จะอบรมสั่งสอนหรือแม้แต่จะลงโทษในสารพัดความผิด ก็มักจะอ้างประกาศิตแห่งความรัก ความห่วงใย มาเป็นกรอบปฏิบัติเสมอ

๒. ชอบอ้างความเก่ง ดีเด่น ของลูกคนอื่นมาพรีเซ้นต์ และรีเพลย์ให้ฟังเป็น แทร็คซ์ๆ ด้วยระบบเสียง ดอลบี้สเตอริโอ ๕.๑ วันละ ๓ เวลาหลังอาหารและก่อนนอน (เฮ้อ!)

๓. ช่างพร่ำเพ้อรำพันซะเหลือเกิน กับคำพูดมหาอมตะนิรันดร์กาล “พ่อแม่ไม่ต้องการอะไรจากลูกหรอก ขอเพียงแต่พวกเอ็งขยันเรียน มีงานทำ มีเงินใช้ มีหน้ามีตาเหมือนลูกคนอื่นก็พอใจแล้ว เงินทองของขาวอะไรก็ไม่ต้องการจากลูกหรอกนะ” (โอ้ย ช่างซาบซึ้งเหลือหลาย แล้วก็ลอกสคริปต์มาพูดเหมือนกันทุกบ้าน)

ลูกๆ ทั้งหลายฟังแล้ว เลยเกิดอาการเคลิบเคลิ้ม มึนเมา เอาแต่ใจ ไร้ความสุข หมดสนุกและแรงกตัญญู จนอยู่นิ่งๆในบ้านไม่ไหว ต้องเถลไถลไปกับทางสายมืดมน ด้วยหัวใจอันเศร้าเหงา เหมือนคนไร้ค่า จนอยากตะโกนใส่หน้าว่า

๑. ถ้าลำบากใจที่จะรักและถ้ารักของพ่อแม่มันหฤโหดน่ากลัวขนาดนี้ ก็ไม่ต้องมารักมาสนใจกับหนูดีกว่า

๒. ถ้าลูกคนอื่น เขาดีเลิศประเสริฐศรีซะเหลือเกิน ก็ไปเอามาเลี้ยงซะสิ จะได้ลูกดีๆสมใจ เมื่อไม่เห็นคุณค่าก็อย่ามาแคร์หนูเลย..

๓. เมื่อไม่ต้องการอะไรจากหนู แล้วสร้างหนูมาทำไม? หนูไม่มีค่าอะไรกับพ่อแม่เลยหรือ? ความรัก ความดี ของหนูมันไม่มีค่าเลยใช่ไหม? ถึงไม่อยากได้ และจะทำให้อย่างไรจึงจะได้ชื่อว่ากตัญญูล่ะ หรือว่าไม่ต้องการ?

โอ๊ะโอ๋ เย็นไว้ลูก อย่าพึ่งแบ่งขั้ว แบ่งสี กันขนาดนั้นเลย ก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าควรให้อภัย โธ่…อ่านยังไม่จบบทเลยลมขึ้นเสียแล้ว เทวดาลูกแม่

เอาล่ะเรามาประชุมโต๊ะกลมกันดีกว่า ว่าพ่อแม่ไม่ควรมีแนวคิด พูดและทำอย่างนั้นเลย ไม่ควรหลงทางบนทางหลง กับวรรณกรรมอมตะ อุดมการณ์ของพ่อแม่ จนลืมความเป็นพ่อแม่ในอุดมการณ์ (อุ๊ย..งง) แปลไทยเป็นไทยว่า อย่าหลงไปกับอุดมคติของตนเองแต่ฝ่ายเดียว ดูความเป็นจริงของโลก ของสิ่งแวดล้อมบ้าง และใส่ใจกับพ่อแม่ แบบที่ลูกคุณต้องการบ้างสิว่า เขาคาดหวังอะไรบ้างกับคุณ ในฐานะที่เป็นฮีโร่ของเขา.?

ลองย้อนดูชีวิตของคุณหน่อยซิว่า ในฐานะลูก มันไพเราะเสนาะหูไหม? กับคำอมตะสามคำนั้น หลากหลายมุมมืดที่คุณต้องหลั่งน้ำตาให้กับมันมาก่อนมิใช่หรือ? หลายแผลอันเจ็บช้ำที่คุณต้องล้มลงบนเส้นทางชีวิต จริงไหม?

เพราะเลี้ยงกันด้วยบรรยากาศที่เป็นศัตรูอย่างนี้ ใช่ไหมล่ะ? คุณๆหลายๆคน จึงต้องมีรอยด่างในชีวิต ที่ทิ่มแทงหัวใจอยู่จนทุกวันนี้ และเพราะอย่างนี้ใช่ไหม คุณเลยใช้ลูกเป็นเครื่องไถ่บาป เพื่อลบภาพอดีตของคุณ จนต้องลุ้นทุกเช้าเย็นว่า ขอเขาอย่าได้เป็นอย่างฉันเลยนะ…

๔. บนเส้นทางชีวิตจริง

สุภาพสตรี ท่านหนึ่ง เป็นอุทาหรณ์ของเรื่องนี้ เมื่อถามถึงเรื่องลูก และชะตาชีวิตอันขมขื่น แม้จะรู้ว่าเธอเหนื่อยกับชีวิตเพียงใด แต่ก็จำเป็นจะต้องบอกกับเธอว่า ลูกคนที่หนึ่งมีความรู้ดี จิตใจกตัญญู แต่ขาดกำลังใจท้อแท้ง่าย แก้ไขด้วยการให้กำลังใจเขามากๆ รับฟังปัญหา ให้เขามีที่ระบายความในใจ แล้วจะดีขึ้น

ลูกคนที่สอง ให้เขาได้ช่วยเหลือ แสดงความรักแก่แม่บ้าง ที่สำคัญอย่าคอยติคอยสอนจนหาที่ดีไม่ได้ เดี๋ยวเขาจะถามว่าในรอบปีมีสักวันหนึ่งมั้ย ที่แม่เห็นว่าหนูทำถูก.. คุณต้องกล้าบอกเขาสิว่า คุณปลื้มเขา “ อย่าบอกแต่ความผิด จงบอกสิ่งที่คุณชื่นชมเขาด้วย ”

ลูกคนที่สาม เขาสับสน ขาดความมั่นใจ อารมณ์หุนหัน นั้นก็เป็นเพราะคุณรักและควบคุมเขาเกินไป เขาโตเข้ามหาลัยแล้ว คุณก็ยังไม่ยอมปล่อย ที่เขาอารมณ์เสียคอยหลบหน้าคุณนั้น เป็นเพราะเขาอายเพื่อนที่เป็นเหมือนเด็กอมมือ ที่แม่ต้องคอยโทรตาม มันทำให้เขาขาดความเป็นตัวของตัวเอง น่าเป็นห่วงว่าต่อไปเขาจะไม่กล้าสู้ความจริง มีนิสัยชอบโกหกและแอบทำอะไรลับหลัง นั้นคือว่าชีวิตอนาคตของเขาจะล้มเหลวเหมือนคุณ…

ลูกชายคนเล็กนี้ คือภาพสะท้อนอดีตของคุณเต็มๆ เพราะคุณก็ถูกเลี้ยงมาแบบนี้ ชีวิตคุณจึงออกมาเช่นนี้ แล้วคุณยังจะให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกหรือ?

เธอยอมรับความจริงและมองหาทางออก จึงบอกเธอถึงเคล็ดลับ ๓ อย่าง คือ

๑. อย่าดุด่าลงโทษลูก โดยประกาศิตหรือในพระนามของความรัก มันจะทำให้ลูกเข็ดขยาดกับความรักของคุณ จนไม่อยากได้ยิน หรือแม้แต่คิดถึงมัน และนั่นคือ การผุเปื่อยของเกลียวสายสัมพันธ์อย่างลับๆ ขอบอกว่าลูกไม่ได้ต้องการคำว่ารักจากพ่อแม่ แต่พ่อแม่ต่างหากที่ต้องการความรักจากลูก

๒. อย่าเอาลูกคนอื่นมาทับถมลูกของตัวเอง มันจะทำให้เขารู้สึกขาดความอบอุ่น รู้สึกว่าคุณไม่รักเขา ทำให้เกิดการประชดประชันขึ้นสารพัดแนว เพื่อเรียกร้องความสนใจ

๓. อย่าพูดอีกเลยว่า พ่อแม่เลี้ยงลูกโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ มันซึ้งจนน่ากลัวรู้ไหม? ฟังแล้วมันเศร้าจนมองไม่เห็นอนาคตเลยล่ะ

ฉะนั้น คุณต้องหวัง หวังให้เขาเติบใหญ่เป็นคนดี หวังให้เขามีความสุข หวังให้เขามีอนาคตที่สดใส และสุดท้ายหวังให้เขาได้แสดงความกตัญญูต่อคุณเป็นรางวัล รางวัลที่คุ้มค่ากับความเหนื่อยยาก เป็นสุดยอดรางวัลที่รอคอย มันคือรางวัลของชีวิตที่สมบูรณ์ นั่นคือคำว่า ครอบครัวที่คุณต้องการมิใช่หรือ?

๕. ทุกข์ที่ไม่พึงประสงค์

มาถึงขั้นนี้แล้ว ใครจะผิดใครจะถูกก็ตาม ขอให้คุณตั้งสติและซื่อสัตย์กับตัวเองเข้าไว้ ตรองดูให้ดีว่า เราได้ทำอะไรไปบ้าง ที่ทำให้พ่อแม่เสียใจกระเทือนใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ทบทวนจากอดีตมาสู่ปัจจุบัน กับปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่ากับแฟน กับลูก ธุรกิจการงาน การเงิน อุบัติเหตุ เภทภัย ป่วยกาย ป่วยใจต่างๆ

ในการประพฤติผิดต่อพ่อแม่นั้น จุดสำคัญคือทำให้ท่านกระเทือนใจ เพราะกระแสสั่นสะเทือนนั้น จะส่งสัญญาณมากระทบกับดวงชะตาของลูก ทำให้เจอปัญหาหรือพาให้มีอันเป็นไปต่างๆ นาๆ ได้ เปรียบเหมือนแผ่นดินไหว

ถ้าไหวน้อยๆ ก็พอจะปลอดภัย หากไหว ๔-๕ ริกเตอร์ ผลกระทบก็จะรุนแรงขึ้น แต่ถ้าโชคร้ายเจอเข้าระดับ ๘-๙ ริกเตอร์ แม้จะตึกสูงใหญ่เพียงใด ก็จะต้องทลายลงในที่สุด

ผลกระทบจากการทำความผิดต่อผู้บังเกิดเกล้านั้น จะส่งผลร้ายแก่ลูกๆ ได้ ๓ เรื่อง คือ ๑. เรื่องความรัก ๒. สุขภาพ + อุบัติเหตุ ๓. การเงิน หรือภาษาพระท่านใช้คำว่า สิริ อายุ จะโภคัง ซึ่งจะพออธิบายได้ว่า

๑. สิริ หมายถึง ความมีสง่าราศี มีมงคล เจริญรุ่งเรือง มีคนนับหน้าถือตา เป็นที่เคารพยำเกรงของผู้อื่น เรียกว่า ทางสะดวกทำอะไรก็ง่าย พูดจาปราศรัย ก็น่ารักน่าฟัง ทำการใดก็สำเร็จดังหวัง ถ้าหมดสิริก็ตรงกันข้าม ขาวเป็นดำ หน้ามือเป็นหลังมือเลยล่ะ

๒. อายุ หมายถึง ความก้าวหน้า ความมีอายุมั่นขวัญยืน ผิวพรรณวรรณะผ่องใส อ่อนกว่าวัย โรคภัยไข้เจ็บ อุบัติเหตุภัยมีน้อย ตำแหน่ง ฐานะ การเงินดี

๓. โภคัง หมายถึง โภคทรัพย์ทั้งหลายทั้งปวง เก็บเงินอยู่ รายได้ดี รวมทั้งสินทรัพย์ การลงทุนทุกประเภท(ที่ไม่ทุจริตผิดกฎหมายนะจ๊ะ)

ถ้าลูกคนใดกระทำการล่วงเกินต่อพ่อแม่ ย่อมได้รับผลร้าย ๓ ประการนี้แล

๑. ความรัก จะก่อให้เกิดความร้าวฉานในครอบครัว ทะเลาะวิวาท นอกใจกันจนต้องหย่าร้างในที่สุด ลูกชายหญิงไม่เคารพพ่อแม่ เถียงคำไม่ตกฟาก ประพฤติตัวเกเรเป็นที่น่าอับอายขายหน้าชาวบ้าน มีปัญหากับเพื่อนบ้าน คนไม่ค่อยชอบขี้หน้า

๒. สุขภาพ จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุ หรือโรคภัยไข้เจ็บที่รักษายาก หรือหาสาเหตุไม่พบ จนขัดขวางต่อการทำมาหากิน คู่ครองจะเบื่อหน่าย กินก็ยาก นอนก็ไม่สบาย เสียสุขภาพจิต หรือมีอาการจิตวิปลาส ประสาทหลอนนอนไม่หลับ ฝันร้ายเป็นประจำ

๓. การเงิน จะทำมาหากินไม่ขึ้น ตั้งตัวยาก ย้ายที่บ่อย ทรัพย์สินถูกโกง ถูกลักขโมย เงินทองเก็บไม่อยู่ มีน้ำใจให้ใครยืมเงินก็ถูกโกง ทั้งๆที่ทำงานให้เขาเป็นวัวเป็นควาย แต่ขีดขั้นตำแหน่งเงินเดือนกลับไม่ขึ้น ลูกก็ล้างผลาญ ญาติก็เที่ยวแห่มาขออาศัย…..คิดแล้วกลุ้ม!

๖. ชีวิตข้าใช่ฟ้าลิขิต

เมื่อคุณเทียบเคียงเหตุต้น – ผลกรรมที่เกิดขึ้นแล้ว คงพอเห็นเค้าลางๆ ได้แล้วนะว่าอะไรเป็นอะไร นั่นแสดงว่าลางร้ายกำลังจะเลือนหาย กลายเป็นทางออกที่ดีของคุณเข้าแล้ว เพราะมีเพื่อนๆคุณหลายคน ที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วร้องอ๋อว่า ใช่เลย มันเก๊ทมั่กๆ

เช่น รายของคุณ (ขอสงวนชื่อ) ที่ลำพูน จากชีวิตที่เต็มไปด้วยปัญหาร้อยแปด มารุมเร้า แม้จะเข้าห้องพระสวดมนต์ นั่งสมาธิข้ามคืนก็ไม่เกิดผล (ก็ไม่รู้ใครเขาสอนกันอย่างนั้น) เมื่อไม่เห็นลู่ทางที่ดีขึ้น วาระตัดสินก็มาถึง เขาพิพากษาตัวเองด้วยการลาตาย ยอมสละตัวเองไปจากลูกเมีย และกิจการที่สร้างมา เพื่อหนีหนี้ (เห็นแก่ตัวไปมั้ยเนี้ย?)

แต่ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง พอเป็นเครื่องชูกำลังใจให้แก่นักสู้ชีวิต เขาได้รับการปลอบโยนจากเพื่อน พร้อมยื่นเอกสารให้ ๑ ชุด (ของชัย วัชระด้วยนะ) พร้อมกับการจบของเนื้อหา น้ำตาลูกผู้ชายก็หลั่งไหล มันใช่เลย จากที่เรามัวโทษฟ้าโทษดิน และใครต่อใครว่าไม่ดี ไม่มีความยุติธรรม จึงทำให้เราลืมนึกไปว่า “เราเอง เราทำเองนะ”

สองมืออันสั่นเทา บรรจงกราบลงบนเท้าอันเหี่ยวย่นของคุณแม่ คำขอขมาลาโทษที่ลูกได้เคยโฉดชั่วในอดีต พร่ำพรูออกจากก้นบึ้งของหัวใจ สำนึกใหม่ ชีวิตใหม่ พลังใจใหม่ ได้หลั่งไหล เข้ามาสู่จิตใจไม่ขาดสาย จนกล้าประกาศก้องว่าเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายลงหนทางข้างหน้ามองเห็นได้ไกลขึ้นกว่าที่คิด

บนเส้นทางชีวิตที่ขรุขระมืดมนนั้น หากมัวแต่ท้อถอย โทษฟ้าโทษดิน ย่อมเสียเวลาเปล่าไม่ได้อะไร นอกจากความสะใจที่ได้ระบายออกเท่านั้น แต่ถ้าระบายกันบ่อยๆเข้าก็จะกลายเป็นนิสัยเสีย จนสร้างมลพิษในครอบครัวขึ้นมาได้ มีหลายครอบครัวเลยนะที่แตกแยก เพราะความขี้บ่นของคุณแม่บ้าน…

ทำใจให้นิ่งๆ นึกถึงสิ่งที่เคยทำมา แล้วหาหนทางแก้ไขมัน มนุษย์เราสำคัญอยู่ที่การรู้จักปัญหา และแก้ปัญหาเป็นนี้แหละ.. ไม่ใช่แค่ทางเดียว หากยังมีอีกหลายวิธีนักที่จะจัดการกับมัน การเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดีนั้น เป็นสิ่งที่ฟ้าดินหยั่งรู้และเข้าข้างคุณเสมอ..

การหย่าร้างหรือฆ่าตัวตาย อาจเป็นวิธีที่ง่าย แต่มักมีผลที่โหดร้ายตามหลังมาเสมอ เคยบอกกับหลายคู่ว่า “…ชีวิตนั้นมีค่ามากกว่าเชือกหนึ่งเส้น หรือยาเบื่อหนูหนึ่งซองเสียอีก ชีวิตเรานี้มีค่าและคนข้างหลังเราก็มีราคามากนะ…”

เคยบอกกับเพื่อนๆ อีกหลายคนว่า คนที่เมื่อมีปัญหาแล้วพยายามฆ่าตัวตาย นั่นเพราะผลกรรมที่ได้เคยทำให้พ่อแม่กระเทือนใจ จนคิดอยากตาย เมื่อผลกรรมมาถึงในเวลาที่ถูกกระทบกระเทือนทางจิตใจ หรือหาทางออกไม่ได้ จึงเกิดความคิดขึ้นมาในใจว่า .. อยากตาย.

การมีลูกถือว่าเป็นการลงทุนที่มีเดิมพันสูงที่สุด เสี่ยงที่สุด และระยะเวลาคุ้มทุนนานที่สุด คนเรานั้นหากมีคนมาหาเรื่องหรือท้าทายอำนาจ ก็มักจะโต้ตอบด้วยความโกรธ แต่ถ้าผู้นั้นเป็นลูก… ความหวัง ความสุข กำลังใจของพ่อแม่จะสั่นคลอน รู้สึกขาดทุนย่อยยับ น้ำตามันจึงตกใน รู้สึกไร้คุณค่า ลูกเขาไม่รัก ทำให้น้อยใจจนอยากตายให้พ้นจากความผิดหวัง บาปมันจึงตามมาสนองลูกด้วยประการฉะนี้แล

๗. รักหรือเข้าใจ

ในชีวิตของเรานั้น เพราะความที่ต้องต่อสู้ดิ้นรน เพื่อความอยู่รอดและผลสำเร็จของงาน จึงทำให้บางทีก็รู้สึกว่าออกจะใจดำไปสักนิด เช่น ไม่อยากทำเช่นนั้นหรอก แต่จำเป็นด้วยงานมันบังคับ ไม่อยากทำอย่างนั้นหรอก แต่จำเป็นด้วยหน้าที่

ชีวิตที่ผ่านไปในแต่ละวัน มันจึงมีความกดดันสะสมขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนเราเครียดง่าย เซ็งง่าย อารมณ์เสียง่าย และบางคนก็อาละวาดได้ง่ายๆ อีกด้วย ผลกระทบจากงานมันจึงพาลมาลงที่บ้านได้เสมอ

แต่กระนั้นก็ไม่ควรเผลอเลอจนเป็นนิสัย เพราะที่คุณต้องทำงานเหนื่อยยากอยู่ทุกวันนี้ ก็มิใช่เพื่อความสุขของครอบครัวดอกหรือ? คำว่าเพื่อลูกเพื่อครอบครัวนั้น เป็นแก่นแท้หรือมโนธรรม ที่คนเราประดิษฐานไว้ในใจ เหมือนเป็นหน้าที่หลักของความเป็นมนุษย์เลยก็ว่าได้

หน้าที่มนุษย์เราจึงมีสองอย่าง คือ ๑. สร้างฐานะ ๒. สร้างความสุข ทั้งสองหน้าที่ต้องสมดุล และเดินควบคู่กันไปเสมอ ความรักความเข้าใจต่อกันและกัน จัดเป็นความสุขที่เหนียวแน่น ที่คอยผูกมัดหล่อเลี้ยงจิตใจของคนในครอบครัว ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย มีในครอบครัวใด ครอบครัวนั้นย่อมเป็นสวรรค์บนดิน ที่คนอื่นต้องอิจฉา

ธรรมชาติที่แท้จริงนั้น เราคงไม่ได้ต้องการอะไรมากมายอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ หลายคนยืนยันว่า “ขอเพียงครอบครัวมีความเข้าใจกันก็พอแล้ว” เพราะปัญหาผัวขี้เหล้า เมียขี้บ่น ลูกขี้เกียจ รู้สึกจะมีแทบทุกบ้าน และข้อสรุปก็เหมือนๆกันว่า หาคนผิดไม่ได้ ฉันไม่ผิด อะไรประมาณนั้น

ขอยืนยันว่า หลายคนที่ต้องประสบเคราะห์กรรมใหญ่หลวง บ้านแตกสาแหรกขาด ธุรกิจล่มจม ต้องขมขื่นใจอยู่ในทุกวันนี้ ต้นเหตุมาจากพ่อแม่นั่นเอง มันไม่ใช่ลูกเนรคุณ แต่เป็นพ่อแม่ต่างหากที่ขาดคุณธรรม สร้างบาปเวรให้แก่ลูก บางคนด่าว่า ทุบตีอย่างรุนแรง บางคนลงโทษจนถึงขั้นที่เรียกได้ว่า “ทรมานลูก”

อยากจะถามว่า นี้หรือคือคำว่ารักที่พร่ำบอกลูกน้อย เมื่อลองถามเด็กๆ ต่อหน้าพ่อแม่ของเขาเองว่า หนูต้องการคำว่ารักจากพ่อแม่หรือไม่? เด็กตอบว่าไม่.. ถามว่ารู้สึกอย่างไร เมื่อพ่อแม่พูดย้ำหนักหนาว่า รักลูกนะ เขาตอบว่า เบื่อ คำถามสุดท้าย แล้วหนูต้องการอะไรจากคุณพ่อคุณแม่ เด็กตอบว่า ต้องการความเข้าใจ

ฟันธงชัดเจนว่า เด็กๆ โดยเฉพาะวัยรุ่น เบื่อที่สุดคือคำว่ารักและเป็นห่วง ที่จริงลูกต้องการความเข้าใจ ความอบอุ่นในครอบครัว ต้องการอิสระการเป็นส่วนตัวบ้างในบางโอกาส ในขณะที่พ่อแม่ต่างหากที่ต้องการความรัก ความห่วงใยจากลูก

แล้วก็เลิกโกหกตัวเองเสียที กับคำฮิตติดปากที่ว่า หัวอกพ่อแม่ไม่ต้องการอะไรจากลูกหรอก ขอเพียงให้เขาเติบใหญ่เป็นคนดี มีครอบครัวที่อบอุ่นก็พอใจแล้ว แต่เวลาลูกทำไม่ดี ไม่สนใจมาดูแล ก็เห็นบ่นกันพึมพำว่า ลูกไม่ดี สอนไม่ฟัง เลี้ยงไม่ได้ดังใจ มันไม่รักพ่อแม่..

สงครามนี้จะสงบ สันติภาพจะเกิดขึ้น ถ้า ๑. พ่อแม่ เลิกโกหกตัวเองว่า เลี้ยงลูกไม่ต้องการอะไร และจงบอกสิ่งที่คุณต้องการจากเขาให้ชัดแจ้งเลยว่า ต้องการให้ลูกรัก ห่วงใย เอาใจใส่ ทำดี พูดดีด้วย อยากให้เขาดูแลยามเจ็บป่วย ให้ช่วยเหลือยามอ่อนล้า ให้เป็นเพื่อนพูดจาปลอบประโลมยามเจอปัญหา..

๒. ให้เขาทำอะไรตอบแทนคุณบ้างตามสมควร ตามกำลังของเขา ไม่ใช่อะไรๆก็ทำเพื่อลูก ทำเพื่อลูก ให้เขาช่วยงานบ้าน อ่านหนังสือให้ฟัง ช่วยโทรสั่งงานเล็กๆน้อยๆ ให้เขารู้สึกมีผลงาน มีคุณค่าในตัวเองบ้าง หลักมีว่า ผลประโยชน์ต่างตอบแทน ท่านเลี้ยงเรามา เราเลี้ยงท่านตอบ แต่ถ้าคุณคิดแต่จะให้ฝ่ายเดียว จนขัดหลักกตัญญูแล้วไซร้ บุญคุณนั้น ก็จะกลายเป็นเนรคุณขึ้นมาทันที ไม่เชื่อก็ลองทบทวนดูสิ ประวัติศาสตร์มีบันทึกไว้ทุกยุคทุกสมัยว่า คนที่ก่อการกบฏคือคนที่ใกล้ชิด ได้รับความเมตตา อวยยศ อวยตำแหน่งให้บ่อยๆนั่นเอง

๘. สันติภาพ – ความยุติธรรม

แม้จะเป็นความผิดพลาดทางเทคนิค ที่พลิกผันให้พ่อแม่กลายมาเป็นเจ้ากรรมนายเวร ที่คอยขัดโชคขัดลาภของลูก แม้พ่อแม่จะดู งี่เง่าไร้เหตุผล ขาดความยุติธรรมอยู่บ้างก็ตาม แต่หากลูกคนใดได้จ้วงจาบ ด่าทอ ทุบตี หนีออกจากบ้าน ประพฤติตัวเป็นพาลเกเร ทำให้พ่อแม่กระเทือนใจแล้วไซร้ อย่างไรเสียบาปก็ยังเป็นบาป อยู่วันยังค่ำ

มันอาจดูไม่ยุติธรรมนักกับชีวิตของคนบางคน แต่มันก็เป็นหลักธรรมชาติ ของการสืบสายเลือดระหว่างพ่อแม่ลูก ที่นอกจากผูกพันในฐานะมนุษย์ด้วยกันแล้ว มันยังมีคำว่าบุญคุณหรือพระคุณ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ

ดังนั้น คุณต้องแยกพ่อแม่ออกเป็นสองมุม คือ ๑. ส่วนนิสัยใจคอความประพฤติ ๒. ส่วนพระคุณในฐานะผู้ให้กำเนิดเลี้ยงดู ในพ่อแม่ของแต่ละคนอาจมีนิสัยใจคอไม่เหมือนกัน บางคนก็ดีใจหาย บางคนโหดและอันตราย บางคนงมงายสิ้นคิด บางคนติดนักเลงไม่เกรงใจใคร บางคนก็ช่างกระไรเอาใจยากเข็ญ บ่นด่าเป็นนิสัย บางคนสงบเยือกเย็นเป็นบัณฑิต บางคนติดตำราบ้าธรรมะ เอะอะอะไรก็กิเลสๆ บางคนเป็นเปรตหรือสัตว์นรกมาเกิดชัดๆ

แม้มีความประพฤติที่แตกต่างกันถึงเพียงนี้ (จนหลายคนยอมตายเพื่อพ่อแม่ แต่บางคนยอมตายเพื่อหนีให้พ้นจากพ่อแม่..โอ้…อมิตพุทธ) แต่ในส่วนพระคุณนั้นยังคงเส้นคงวา หาได้บั่นทอนไปตามนิสัยไม่ พ่อแม่ที่ดีล้นฟ้า พระคุณก็ไม่ต่างกับที่เลวติดดินเลย อุปมาเหมือนเงินแบ็งค์พันใหม่เอี่ยมกับยับยู่ยี่ มันก็มีค่าเท่ากัน เพียงแต่ให้ความรู้สึกในการใช้ไม่เหมือนกันเท่านั้น (คุณว่าจริงมั้ย?)

มีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากนิสัยของ พ่อแม่จำนวนมาก ที่มาปรึกษาหาทางแก้ไข ซึ่งก็ได้แนะนำกันไปตามหนักเบาของแต่ละราย พร้อมแนะนำให้หลีกเลี่ยงการปะทะทุกรูปแบบ เพื่อป้องกันผลกรรมที่จะมาขัดโชคขัดลาภ ทั้งหมั่นกราบไหว้ระลึกถึงคุณของพ่อแม่เอาไว้เสมอ แล้วจะหลุดพ้นจากความคับข้องใจนี้ไปได้ ต่อมาได้รับรายงานว่าโชคชะตาดีขึ้น บางคนพ่อแม่เปลี่ยนนิสัยใหม่ ทำให้น่ารักขึ้น

สำหรับผู้ที่พ่อแม่ดีอยู่แล้ว หนังสือเล่มนี้ก็ขอแสดงความยินดีด้วย ถือว่าคุณเกิดมาดีแล้ว เป็นบุญที่น่าอิจฉาเหลือเกิน ขอให้ครอบครัวอบอุ่นเจริญๆเถิด สาธุ

สำหรับท่านที่มีพ่อแม่ตกยุค สร้างแต่กรรม ทำแต่ความทุกข์ให้ลูกๆ หนังสือเล่มนี้พร้อมผู้อ่านทั้งมวล ขอส่งกำลังใจให้ท่านยิ้มได้ มีใจสู้ ปัญหาจงได้รับการแก้ไข แนวทางและข้อแนะนำในหนังสือเล่มนี้ จงเป็นแสงสว่าง นำทางให้คุณปฏิบัติและแก้ไขจนพ้นเวร พร้อมบันดาลให้โชคร้ายจงกลายเป็นโชคดีด้วยเถิด สาธุ

๙. ย้อนเวลาหาอดีต

ชะตาชีวิตที่เราได้รับนั้น นอกจากบาปกรรมจากพ่อแม่ในชาติปัจจุบันแล้ว ยังมีผู้คนอีกจำนวนมากทีเดียว ที่ได้รับผลกระทบมาจากบาปในชาติก่อน ที่ได้เคยทำผิดกับพ่อแม่เอาไว้ ยังไม่ได้รับการสะสางล้างโทษ ผลร้ายจึงตามมา ประเภทนี้ส่วนใหญ่ได้รับผลตั้งแต่ ลืมตาดูโลกเลยล่ะ

มีหลายคนที่มีอุปนิสัยอายชั่วกลัวบาปมาแต่เด็ก แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีปัญหาตั้งแต่เล็กๆ เช่น เป็นกำพร้า (ส่วนมากขาดพ่อ) ขี้โรค โตมาก็ผิดหวังเรื่องความรัก ชีวิตเร่ร่อน ซัดเซพเนจร ขาดทรัพย์สินมรดก นั้นเพราะผลกรรมแต่ชาติก่อนบันดาลให้เป็นไป

เมื่อเจอสภาพนี้แล้ว คนที่มีบุญเก่าฝังใจก็พยายามแก้ไขปัญหา ประคองตัวไปเรื่อยๆ ถือคติที่ว่า ชีวิตคือการต่อสู้ อุปสรรคเป็นยากำลัง มุ่งหวังว่า มันต้องดีขึ้นสักวัน

ส่วนบางคนก็น่าเห็นใจ ที่มัวแต่โทษชะตา ฟ้าดินลิขิต จึงแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ผิดๆ ตั้งแต่คิดฆ่าตัวตาย ทำลายลูกในท้อง มองผู้อื่นเป็นศัตรู มัวเมาหมกมุ่นกับสุรายาเสพติด จนลืมคิดถึงอนาคต บางคนขาดความยั้งคิด ฆ่า ทำร้ายผู้มีพระคุณ ทำให้ดวงตกไปยิ่งกว่าเก่า

ชะตากรรมที่ผันแปรเก่าผสมใหม่ ทำให้ได้ผัวขี้เหล้า เมียขี้บ่น ลูกรึก็ซนเป็นลิงเป็นค่าง.. เลิกรักคนนี้ ไปมีคนใหม่ก็ดันเจอคนใจดำ หลบหนีความชอกช้ำก็เหมือนหนีเสือปะจระเข้ สารพัดสารพันปัญหาชีวิต หลายคนร้องไห้ เมื่อถูกระบุบาปในใจ … อมิตพุทธ! จะมีความทุกข์อันใดอีกเล่า ที่จะเผาใจคนได้ทรมานเท่า…ความทุกข์ที่บอกใครไม่ได้.

ฉะนั้น อย่าเพิ่งโทษไปก่อนว่าฟ้าดินไม่ยุติธรรม เพราะความยุติธรรมนั้นหายากยิ่งนัก สุภาษิตฝรั่งบอกไว้ว่า “อย่าแสวงหาความยุติธรรมจากโลกใบนี้” ด้วยเหตุฉะนี้แล อย่าไปเอาผิดเอาถูกกับโชคชะตาฟ้าลิขิต หรือมนุษย์หน้าไหนให้มากนัก เพราะคนเราไม่ได้เกิดมาแค่ชาตินี้ชาติเดียวนะคุณ อดีตอันไกลโพ้นนั้นเราเกิดแล้วมานับชาติไม่ถ้วน คิดดูให้ดีๆมันไม่ใช่เรื่องที่จะมาโมเมชั่น ฝันเฟื่องพูดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียวนะคุณ

เรื่องบาป-บุญ คุณ-โทษนั้น ได้เคยพากันลุยเละ โชกโชนมาแล้วทุกคน ของมันเคยๆกันทั้งนั้นล่ะน่า อย่ามาอ้างนั่น อ้างนี่ แก้ตัวนักเลย ดังนั้นเมื่อจะพูดจะทำอะไร จงหัดคิดถึงความผิดชอบชั่วดีกันบ้าง มิเช่นนั้น เมื่อกรรมมันให้ผล หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิต อาจทำให้คุณอึ้งและซึมได้ง่ายๆ โถ! ชีวิตไม่ใช่สูตรสำเร็จนะคุณ ไม่ใช่แค่ คลิก แล้วมันจะโอเคไปทุกเรื่อง

๑๐. ชะตาชีวิตใช่แค่ดวงดาว

มีข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง คือ ผู้ที่เสียพ่อตั้งแต่แรกเกิดถึง ๑๑ ขวบ ไม่ว่ากรณีหย่าร้างหรือเสียชีวิต ส่วนมากลายมือ ชอบระบุกรรมเก่าเกี่ยวกับการกระทำผิดต่อพ่อแม่เอาไว้ เป็นผลจากอดีตชาติมาถึงชาตินี้ เป็นกรรมติดตามข้ามภพข้ามชาติ และมีหลายคนมากที่ชะตาชีวิตผันผวน ไปทำผิดซ้ำรอยอดีตชาติเข้าไปอีก ผลร้ายจึงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น หลายคนทนรับสภาพไม่ไหว เป็นบ้าหรือฆ่าตัวตาย

เรื่อง ความรักไม่สมหวัง สุขภาพไม่ดี เจ็บป่วยง่าย เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ทำคุณคนไม่ขึ้น หาเงินไม่พอใช้ สภาพเหล่านี้ จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางคนถึงขั้นไร้ญาติ ขาดมิตร ติดหนี้สินรุงรัง ครอบครัวล่มสลาย มีชีวิตอยู่แบบตายทั้งเป็น ต้องชดใช้กรรมไปจนกว่าจะสิ้น ไม่หมดชาตินี้ก็ไปต่ออีกชาติหน้า และในชาติต่อๆ ไป มันจึงเป็นกรรมใหญ่ที่น่ากลัวสยดสยองขนหัวลุก หลายคนได้เจอมากับตัวเองแล้ว ต้องบอกว่า.. เข็ดเข้ากระดูกดำ.

หากท่านผู้ใดเคยทำผิดต่อพ่อแม่หรือผู้มีพระคุณ เมื่อผลกรรมมาถึงตัว จนเกิดเป็นไปต่างๆ นาๆแล้ว ก็ยากที่จะแก้ไขเยียวยา ฉะนั้นหากคุณระลึกได้ว่า เคยทำสิ่งใดไว้กับพ่อแม่ เช่น ด่าว่าทุบตี โกหกหลอกลวง ลักขโมยสิ่งของเงินทอง หรือประพฤติตัวไม่ดีจนท่านต้องร้องไห้เสียใจ

จุดสำคัญคือทำให้ท่านสะเทือนใจ เพราะกระแสสั่นสะเทือนนั้น จะส่งผลให้วิถีชีวิตของลูกสั่นสะเทือนไปตลอด อุปมาเหมือนน้ำทะเลกับเรือ ถ้าทะเลราบเรียบ เรือก็ล่องลอยไปอย่างปลอดภัย แต่หากทะเลมีคลื่นแรง พายุกระหน่ำ เรือก็ย่อมโคลงเคลงไปด้วย ถ้าเป็นคลื่นสึนามิ เรือก็ย่อมพลิกคว่ำอับปางลงอย่างแน่นอน

กระแสบาปที่ทำกับพ่อแม่ก็เช่นกัน เมื่อส่งผลแล้วย่อมขัดโชคขัดลาภ ทำมาหากินไม่ขึ้น เกิดความวิบัติล่มจมต่างตามมาๆ ชนิดที่เรียกว่าซวยซ้ำซาก แม้จะไปบวชกี่วัด ทำสังฆทานกี่ครั้ง หรืออุทิศบุญแก้กรรมจนเหนื่อย ก็ยากที่จะผ่านพ้นไปได้

โพสท์ใน หนังสือธรรมะ | ใส่ความเห็น

เอกสาร การอุทิศบุญ (1)

คำขอขมาโทษต่อบิดามารดา  (แบบย่อ)
               หากผู้ใดได้เคยทำผิดต่อพ่อแม่หรือผู้มีพระคุณ เมื่อผลกรรมนั้นให้ผลย่อมทำให้เกิดความวิบัติต่างๆนานาประการ ทั้งด้านชีวิต ทรัพย์สิน สุขภาพ ความรัก ธุรกิจ ฯลฯ ขัดโชคขัดลาภ ไม่มีความสุข บางคนประสบโรคภัยไข้เจ็บ บางคนบ้านแตกครอบครัวล่มสลาย  บางคนพิการ เป็นบ้า
               หากกรรมนั้นมาถึงตัวจนเป็นไปต่างๆนานาแล้ว ก็ยากที่จะแก้ไข  ฉะนั้นหากระลึกได้ว่าเคยทำสิ่งใดไว้กับพ่อแม่ เช่น ด่าว่า ทุบตีท่าน.โกหกหลอกลวงท่าน.ลักขโมยสิ่งของเงินทองท่าน.หรือประพฤติตนไม่ดีจนท่านร้องไห้เสียใจ.
               จุดสำคัญอยู่ที่ทำให้ท่านกระเทือนใจ เพราะกระแสสั่นสะเทือนนั้นจะส่งผลให้วิถีชีวิตของลูกสั่นสะเทือนไปตลอดชีวิต อุปมาเหมือนน้ำทะเลกับเรือ ถ้าทะเลราบเรียบเรือก็ล่องลอยไปปลอดภัย แต่หากทะเลมีคลื่นลมแรงเรือก็ย่อมโคลงเครงไปด้วย ถ้าเป็นคลื่นสึนามิเรือก็ย่อมจมอย่างแน่นอน กระแสบาปที่ทำกับพ่อแม่ก็เช่นกัน เมื่อส่งผลแล้วย่อมทำให้ขัดโชคขัดลาภ ทำมาหากินไม่ขึ้น เกิดความวิบัติต่างๆ แม้จะบวชกี่วัด ทำสังฆทานกี่ครั้ง อุทิศบุญจนเหนื่อย ก็ยากที่จะผ่านพ้นไปได้
               ดังนั้นเราจึงควรได้แก้ไขเสียตั้งแต่เนิ่นๆเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม ถ้าทำผิดเล็กน้อยกราบเท้าขอขมาก็ผ่านพ้นไปได้  แต่ถ้าได้ทำผิดกับท่านหนักๆก็ควรได้เอาน้ำล้างเท้าของพ่อแม่ไปอาบสักครั้ง ถ้าหนักมากก็อาบ ๗ ครั้ง รับรองว่าชะตาชีวิตที่เคยยุ่งเหยิงย่ำแย่จะดีขึ้นอย่างแน่นอน
               ส่วนผู้ใดที่พ่อแม่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ให้ไปขอขมาต่อหน้าพระภิกษุที่ตนเคารพนับถือที่มีศีลาจารวัตรดีงาม ให้ท่านเป็นพยานรับรู้ต่อการขอขมานั้น จึงจะพ้นโทษได้
               ขั้นตอนพิธี เตรียมกระทงดอกไม้เหมือนที่ใช้ลอยกระทง (ถ้าจะล้างเท้าด้วยก็เพิ่มถังน้ำและกะละมังพร้อมเก้าอี้) กราบเท้ากล่าวคำขอขมา ว่า..กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม กรรมชั่วอันใดที่ลูกได้ทำผิดต่อพ่อแม่ ด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งเจตนาและไม่ได้เจตนา ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งจำได้และจำไม่ได้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันชาตินี้ โดยเฉพาะเรื่องเงินทอง การพูดจาว่าร้ายและความประพฤติที่ทำให้พ่อแม่เสียใจกระเทือนใจ ขอพ่อแม่จงได้โปรดเมตตายกโทษอโหสิกรรมแก่ลูกด้วยเถิด(**) เพื่อลูกจะได้สำรวมระวังต่อไป.แล้วมอบกระทงดอกไม้ให้ท่าน กราบเท้าหนึ่งครั้ง (ถ้าจะล้างเท้าก็ทำต่อไปได้เลย จากนั้นให้นำน้ำนั้นไปผสมอาบ ถ้าอาบเจ็ดวันก็ต้องขอขมาเจ็ดครั้ง จะมีโชควาสนาแล)
               ..(**)หากให้พระสงฆ์เป็นพยานพึงเติมคำว่า ขอท่านอาจารย์จงเป็นพยานในการขอขมาครั้งนี้ด้วยเทอญ เพื่อข้าพเจ้าจะได้สำรวมระวังต่อไป…
(.เสร็จพิธีแล้วให้ลูกนำกระทงขมานั้นไปลอยน้ำ เหมือนกับลอยกระทงทั่วไป..)
               สำหรับผู้ที่พ่อแม่เสียชีวิตไปแล้ว ก่อนกล่าวคำขอขมาต่อหน้าพระสงฆ์ พึงอธิษฐานจิตบอกพ่อแม่ให้มารับรู้ถึงพิธีขอขมาในครั้งนี้ด้วยโดยประนมมืออธิษฐานว่า“ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลให้พ่อแม่ของข้าพเจ้า ได้มารับรู้ต่อการขอขมาในครั้งนี้ด้วยเถิด”(ว่า ๓ ครั้ง).ถ้าขอขมาผู้อื่นที่เสียชีวิตแล้ว พึงเปลี่ยนไปตามชื่อผู้นั้น…
โพสท์ใน หนังสือธรรมะ | ใส่ความเห็น

เอกสาร การอุทิศบุญ (2)

วิธีใช้บุญเพื่อบันดาลผลสำเร็จในชีวิตปัจจุบัน
         
                    ขั้นตอนแรก ให้ทำการขอขมาต่อเจ้ากรรมนายเวรที่เราเคยทำผิดต่อเขา  ทั้งในอดีตและปัจจุบัน  ทั้งจำได้และจำไม่ได้  โดยการอาศัยอานุภาพของพระรัตนตรัยเข้าช่วย  ดังนี้
                     “ขออำนาจพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  จงบันดาลกระแสขอขมาของข้าพเจ้าให้ไปถึงนายเวรที่เข้ามาเบียดเบียนข้า  ขอท่านเหล่านั้นจงรับทราบและยกโทษอโหสิกรรมแก่ข้าด้วยเถิด ข้าจะทำบุญไปให้  และขอท่านจงมีส่วนแห่งบุญที่ข้าทำทุกๆครั้งด้วยเทอญ ..”  (ว่าห้าครั้ง)
 
                   ขั้นตอนที่สอง   ให้เบิกบุญเก่าที่เคยสั่งสมมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน  ขอให้มาปิดกั้นบาปเคราะห์เอาไว้  เพื่อบรรเทาผลร้ายให้เบาบาง  เพื่อเปิดช่องให้อำนาจบุญบันดาลผลดีแก่เราได้สะดวก รวดเร็วขึ้น  ..แต่ต้องเข้าใจให้ถูกนะว่า เป็นเพียงการปิดบาป (ปัดเคราะห์).ชั่วคราวเท่านั้น  แต่ผลกรรมที่จะได้รับนั้นก็ยังรอโอกาสที่จะตอบสนองเราอยู่เช่นเดิม“ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญข้าให้มาปิดบาปกรรมของข้าด้วยเถิด” (ว่าสิบครั้ง)
 
                   ขั้นตอนที่สาม  ให้เบิกบุญเก่าที่เคยสั่งสมมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน  ขอให้มาบันดาลผลสำเร็จในปัจจุบัน  เราต้องการผลสำเร็จในด้านใดก็ตั้งจิตให้อำนาจบุญบันดาลผลสำเร็จในสิ่งนั้น  เช่นการค้าขาย  การสอบ  การสมัครงาน  ความรัก  เงินเดือนโบนัส  สุขภาพ หรือทรัพย์ที่หายไป เป็นต้น  โดยการระบุสิ่งนั้นสั้นๆตรงๆด้วยจิตที่มั่นคงเป็นกลางสบายๆ  อย่าให้ความโลภเข้าครอบงำเพราะจะทำให้ผลสำเร็จถูกตัดรอนลง  แต่ไม่ควรว่าเกินวันละ ๓ เรื่อง ในสามเวลา เช้า กลางวัน เย็น   และอย่าใช้ในทางผิดเพราะจะเกิดวิบัติแก่ตัว  ขอยกตัวอย่างผู้เจ็บป่วยให้ว่าดังนี้ 
                     “ขออำนาจพระพุทธ   พระธรรม   พระสงฆ์   จงบันดาลบุญข้าให้มาปรากฏผล (ในปัจจุบัน) เป็นหมอดียาดีรักษาตัวข้าให้หายป่วยด้วยเถิด” (เฉพาะขั้นตอนที่สามนี้ว่าได้หลายๆครั้ง จนกว่าจะสำเร็จผล)
 
                    ทุกครั้งที่จะอธิษฐานในเรื่องใดๆต้องขึ้นต้นด้วยคำนี้เสมอว่า “ขออำนาจพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  จงบันดาลบุญข้าให้มาปรากฏผลในปัจจุบัน เป็น..(ระบุเรื่องที่ต้องการ**)…”
 
                    ** เรื่องที่ต้องการอธิษฐาน     เช่น     เพื่อความเจริญในหน้าที่การงานให้ใช้ว่าเป็นงานดีเงินดีแก่ข้าด้วยเถิด.  
                    เพื่อการเดินทางให้ใช้ว่าเป็นความสะดวกปลอดภัยแก่ข้าด้วยเถิด.        
 
                    เพื่อการทำงานให้ใช้ว่าเป็นความสำเร็จในสิ่งที่ทำด้วยเถิด.       
 
                    เพื่อรักษา โรคให้ใช้ว่าเป็นยารักษาโรคให้หายด้วยเถิด.     
 
                    เพื่อลูกให้ใช้ว่าให้ลูกดีดั่งใจด้วยเถิด.        
 
                    เพื่อแฟนให้ใช้ว่าให้แฟนดีดั่งใจด้วยเถิด.       
 
                    ถ้าสิ่งของหายให้ใช้ว่าจงเป็นสิ่งของคืนมาด้วยเถิด.      
 
                   เพื่อการค้าขายให้ใช้ว่าเป็นความรุ่งเรืองในการค้าด้วยเถิด.    (หรือในเรื่องอื่นๆท่านก็สามารถคิดคำสั้นๆขึ้นมาใช้เองก็ได้ตามสบาย  แต่ควรว่าให้ปรากฏผลดีก่อน ค่อยเปลี่ยนเรื่องใหม่)
 
(ขั้นตอนที่หนึ่งและสองว่าเฉพาะตอนเช้าก็พอ  เฉพาะขั้นตอนที่สามนั้นสามารถว่าสับเปลี่ยนกันได้ตลอดทั้งวัน)
 
(หากท่านขยันทำแล้วไซร้จะปรากฏผลสำเร็จอย่างแน่นอน  เพราะมีผู้ใช้ได้ผลมาแล้วมากมาย)
โพสท์ใน หนังสือธรรมะ | ใส่ความเห็น

หนังสือ เล่ม 1 วิธีใช้งานเทวดา (ตอนที่ 1)

 
คำนำ ก่อน อ่าน
                    คนเราแต่ละคนที่เกิดมาในโลกนี้ ล้วนต้องมีถิ่นกำเนิด ผู้ให้กำเนิด พร้อมทั้งหมู่ญาติ พวกพ้องทั้งนั้น จึงจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เราอาศัยญาติพี่น้องเพื่อนฝูงเพื่อความเป็นอยู่  ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ก็อาศัยเราเพื่อความเป็นอยู่ ดูแล ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน จึงกล่าวได้ว่าทุกคนต่างก็ต้องอาศัย ซึ่งกันและกัน ไม่มีใครที่สามารถอยู่ได้โดยไม่อาศัยผู้อื่น
                    ดังนั้น การดูแลช่วยเหลือเกื้อกูลกัน จึงเป็นสิ่งที่ทุกสังคมและชนชั้น ต่างก็ต้องมีด้วยกันทั้งนั้น นี้คือการเกี่ยวข้องกันของสังคมมนุษย์ แต่มีการเกี่ยวข้องอีกอย่างหนึ่งที่คนเราไม่ค่อยได้รับรู้หรือสนใจ นั้นคือการเกี่ยวข้องกับญาติของเราที่อยู่ในโลกวิญญาณ
                    วิญญาณก็คือดวงจิต ดวงชีวิตของคนผู้หนึ่งๆ ที่ตายจากมนุษย์ไป แล้วไม่ใช่ผีอย่างเดียวเท่านั้น แต่หมายถึงทุกภพ ทุกภูมิ ที่มีอยู่ในวัฏสงสารนี้ ไม่ว่าจะเป็นเทวดา อินทร์ พรหม ยักษ์ นาค ครุฑ คนธรรพ์ ภุมภัณฑ์ เปรต ผี ปีศาจ สัตว์นรก เหล่านี้ชื่อว่า จิตวิญญาณในโลกทิพย์หรือโลกวิญญาณ ทั้งสิ้น
                    เขาเหล่านี้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นญาติมิตรกับเรานั้นมีมากมายนัก ด้วยว่าในโลกของการเวียนว่ายตายเกิดนี้ กรรมบันดาลให้เป็นไป คนเราทุกคนจึงได้เคยเกิดในที่ต่างๆ ในฐานันดรต่างๆ มากมาย เรียกว่าในโลกนี้มีคนที่ ฐานะ อาชีพ แตกต่างกันเท่าใด เราก็ได้เคยเกิดเป็นอย่างนั้นมาแล้วทั้งสิ้น ญาติมิตรและศัตรูคู่อาฆาตของแต่ละคนจึงมีอยู่มาก ที่มาใกล้ชิดเกี่ยวข้องกับเรา
                    อยากให้ศึกษาทำความเข้าใจ และลองทำดูในวิธีที่จะกล่าวต่อไปนี้ เพื่อจะได้เข้าใจวิธีทำ วิธีใช้ ในการสงเคราะห์ญาติที่อยู่ในโลกลี้ลับ อย่าพึ่งเชื่อ หรือปฏิเสธในทันที ขอจงใคร่ครวญ พิจารณา และปฏิบัติดูก่อน จึงค่อยเชื่อหรือปฏิเสธ จึงจะสมภูมิปัญญาของพุทธบริษัท
                    บุญกุศลใดที่เกิดขึ้นจากการรวบรวมเรียบเรียงหนังสือเล่มนี้ ขออุทิศถวายบูชาคุณพระศรีรัตนตรัย คุณแห่งบิดา มารดา ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ ที่ได้เลี้ยงกาย เลี้ยงจิตวิญญาณของข้าพเจ้ามา ขอบุญกุศลนี้ จงบันดาลผลสำเร็จแห่งการกระทำดีแก่ท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมกุศลในการจัดพิมพ์หนังสือนี้ทุกท่าน
                    หากมีข้อบกพร่องใดๆ ของเนื้อหาและข้อความ ข้าพเจ้าขอน้อมรับ คำแนะนำ จากท่านผู้มีจิตกรุณาด้วยความยินดียิ่ง
                    ขอให้มีกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ ที่จะทำความดีตลอดไป
 ชัย วัชระ
วิสาขบูชา ๒๕๔๙
 
๑. สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
                    คนผู้เกิดมาในโลกนี้ มีความเป็นไปต่างกัน พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงว่า การกระทำของคนเราเองนั่นแหละที่ได้จำแนก ให้เกิดมามีรูปร่าง หน้าตา ความสุข ความทุกข์ ยากดีมีจน แตกต่างกัน แต่ละคนก็มีวิถีชีวิต โชคชะตา ไปตามบุญกรรมที่ตนได้เคยทำมา ด้วยเหตุแห่งการเวียนว่าย ตายเกิด ในภพชาติของวัฏสงสารอันยาวนาน ทำให้ได้ประสบเรื่องราวต่างๆ ได้กระทำสิ่งต่างๆ เอาไว้ ทั้งทางกาย คำพูด และความคิด ทั้งเจตนา หรือด้วยความประมาทเลินเล่อ รู้เท่าไม่ถึงการณ์
                    สิ่งเหล่านี้ ได้เป็นปัจจัยส่งผลให้หมู่สัตว์ในโลกนี้ เกิดมาใน ลักษณะที่ต่างกันไป ทั้งรูปร่างหน้าตานิสัยใจคอ สถานะทางอาชีพและสังคม นั่นก็เพราะผลกรรมที่ตนได้เคยทำมาแล้วทั้งนั้น บางคนเกิดมารวย แต่ไม่สวย บางคนสวยแต่ยากจน บางคนขัดสนแต่ปัญญาดี
                    ด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์จงได้ทรงตรัสสอนพวกเราทั้งหลายว่าอย่า ประมาทในชีวิต อายุ เพศ วัย ของตน อย่าหลงใหลใฝ่ความชั่ว อันจะพาตนให้ตกต่ำ รับผลกรรมคือความทุกข์ ความเดือดร้อน ทั้งโลกนี้และโลกหน้า อย่าให้เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์สุดประเสริฐ ที่ยากนักหนาที่จะได้เกิดมาเช่นนี้
                    ทรงสอนให้หมั่นฝึกหัดปฏิบัติ กาย วาจา ใจ แต่ในทางสร้างสรรค์เกิดประโยชน์เป็นคุณงามความดี มีทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น ซึ่งจะยังตนให้ได้รับแต่ความสมหวัง ความเจริญรุ่งเรือง ตลอดไป
 
๒. บุญ…ทางเดินของคนฉลาด
                    ในชีวิตของคนทุกคน ทุกเพศ วัย ต่างก็มีความมุ่งหมายอยู่ที่ความสำเร็จในงานที่ทำ อยากมี รูปสวย รวยทรัพย์ อยู่ดีมีสุข มีคนรักใคร่ เอ็นดู มีคนมาดูแลช่วยเหลือ แต่สิ่งเหล่านี้ ก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับผู้ใดได้ง่ายๆหากต้องมีเหตุผลหลายส่วนมาเกื้อหนุนกันจึงจะเป็นไปได้ ซึ่งในเรื่องนี้ เชื่อว่าทุกคนก็คงรู้อยู่แก่ใจ และรู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
                    ด้วยการหวังผลอย่างนี้ จึงเกิดตัวเลือกขึ้นมากมายในสังคมมนุษย์ การถือเครื่องราง ของขลัง เสน่ห์ เมตตา มหาอุด เทพเจ้า เหล่าองค์ท่าน จึงเป็นทางเลือกที่คนชอบอยู่ไม่น้อย เรื่องพุทธ พราหมณ์ ผี จึงมีให้เห็นอยู่มากมาย
                    การใช้ตัวช่วยเช่นนี้ ที่เกิดผลดี ก็มีอยู่บ้าง แต่ในรายละเอียด แล้วผลเสียมีมาก ดังนั้นในทางพระพุทธศาสนา จึงมอบตัวเลือกที่มาตรฐาน ถูกต้อง ตรงตามจริงให้แก่มนุษย์ นั่นก็คือการทำบุญให้ทาน การรักษาศีล และการเจริญภาวนาทำสมาธิ
                    ในทางเลือกเหล่านี้ การทำบุญจะเป็น พื้นฐาน เป็นเรื่องง่ายที่สุด ที่คนเราสามารถทำได้ทุกเพศ ทุกวัยและทุกสถานที่ การเสียสละสิ่งของ ของตนเพื่อแบ่งปันความสุขให้แก่ผู้นั้น เป็นการผูกมิตร เป็นการเกื้อกูล อนุเคราะห์กัน จัดเป็นคุณธรรมพื้นฐานของโลก ที่ทุกชาติ ทุกภาษา ได้ถือ ปฏิบัติกันมา เราชาวพุทธจึงควรทำความเข้าใจในเรื่องบุญทาน การกุศลนี้ให้มากขึ้น เพื่อจะได้ทำได้อย่างถูกต้อง ถูกคุณและเป็นผลบุญขึ้นมาตอบสนองเราจริงๆในชาตินี้ ไม่ต้องรอชาติหน้าให้เสียเวลา
 
๓. ทำบุญเหมือนไม่ได้บุญ
                    มีคนได้เคยตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมคนที่ชอบทำบุญสุนทาน เข้าวัด ฟังธรรม จึงชอบได้รับทุกข์ ความเดือดร้อน จากเหตุต่างๆ อยู่เป็นประจำ บางคนเป็นหนี้สิน เป็นโรคภัยไข้เจ็บ ทำไม่มา ค้าไม่ขึ้น ถ้าคิดอย่างสามัญก็ดูเหมือนว่า คนที่ไม่สนใจการบุญ การกุศล กลับจะอยู่ดีมีสุขกว่าคนที่ทำดี เสียอีก จนทำให้บางคน “หมดไฟ” ท้อถอยต่อการทำความดี เห็นผิดเป็นถูก เห็นถูกเป็นผิดไปเลยก็มี
                    เหตุอันนี้ พอสรุปได้ ๓ ประการคือ ๑. เพราะเหตุกรรมเก่าตามมาให้ผล ๒. เพราะความซื่อถือความสัตย์ จนขาดความละเอียดอ่อนในกระแสโลก จึงเสียรูปคนโกง นึกว่าคนอื่นจะคิดดี ทำดี สุจริตใจเช่นเดียวกับตน ๓. เพราะมีเหล่าเปรตญาติ และเจ้ากรรมนายเวรมาเกาะเกี่ยว อยากได้ผลบุญผลทานของเรา ด้วยกระแสพลังงานทางจิตของเขาจึงทำให้เราเกิดเป็นไปต่างๆ นาๆ ได้
                    ในสาเหตุ ๓ ประการนั้น ข้อ ๓. เป็นประเด็นที่เราต้องทำความเข้าใจและแก้ไขก่อนเพื่อน เมื่อแก้ไขในจุดนี้ได้แล้ว ข้อ ๑ ข้อ ๒ ก็ไม่เป็นปัญหานัก จะบรรเทาและดีขึ้นโดยลำดับ
                    ตามสภาวะของจิตในโลกวิญญาณนั้น มันจะมีพลังงานในตัวมันเอง มีผลของบุญหรือบาปเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตนั้นไว้ เหมือนปลาในตู้น้ำสะอาดหรือสกปรกย่อมมีผลต่อปลานั้น ความสุข ความทุกข์ของผู้ที่ตายไปแล้วก็ฉันนั้น และด้วยสภาพของโลกวิญญาณไม่มีการทำการงานเลี้ยงชีพ ไม่มีการค้าขาย ทำไร่ทำนา ต่างก็เป็นอยู่ด้วยอำนาจบุญบาป ที่ตนเคยทำเอาไว้แล้ว ไม่มีหมอ ไม่มีส่วนแบ่งปันช่วยเหลือกันได้ ของใครก็ของมัน ตัวไปเป็นเทวดา จะเอาของทรัพย์ของตนแต่งให้เมียที่เกิดเป็นเปรตก็ไม่ได้ หากให้ก็จะเกิดเป็นไฟลุกไหม้เปรตนั้นทันที จะต้องทำบุญแล้วอุทิศให้จึงจะได้รับ
                    ดังนั้น สิ่งจำเป็นในโลกวิญญาณก็คือบุญ บุญที่พวกเราได้ทำอยู่เป็นประจำนี้แหละ ที่เราจะสามารถส่งไปช่วยเหลือวิญญาณเหล่านั้นได้ และยังมีวิญญาณบาปอีกมากมาย ทั้งที่เป็นญาติ และไม่ใช่ญาติของเรา ที่ต้องทนทุกข์ทรมาน มาหลายร้อยหลายพันปี เขาเหล่านั้นน่าสงสาร เขาเหล่านั้น รอคอยบุญกุศลที่คนในโลกนี้ จะอุทิศส่งให้ เหมือนผู้ประสบภัย สึนามิ ต้องการความช่วยเหลือทั้งเสื้อผ้า อาหาร ยารักษาโรค และที่อยู่อาศัย เหล่าเปรตผี ทั้งหลายก็อย่างนั้น
                    ฉะนั้น เมื่อเห็นคนทำบุญ เขาจะเข้ามาขอส่วนบุญจากคน แต่ด้วยอยู่คนละภพ ละภูมิกัน เขาเห็นเรา แต่เราไม่เห็นเขา เขารู้จักเรา แต่เราไม่รู้จักเขา จึงเกิดภาวะกดดันอย่างน่าสงสาร ผู้หนึ่งทุกข์ยากอดอยาก ขอความช่วยเหลือ อีกฝ่ายไม่รับรู้ ไม่เหลียวแล ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความโกรธแค้นก็มีได้เป็นธรรมดา
                    ในธรรมบทพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า เมื่อมนุษย์ทำบุญให้ทานอยู่ เหล่าเปรต ภูต ผี ทั้งหลาย จะรีบวิ่งมา ณ ที่นั้น ด้วยความดีใจว่า เราจะได้ส่วนบุญกับเขาบ้าง เมื่อได้ก็โสมนัสยินดี เปลี่ยนสภาพจากผีเปรตผอมแห้ง เปลือยกาย มาเป็นเทวดาผู้สวยงาม บริโภคอาหารอิ่มหนำสำราญ หากคนเราไม่อุทิศให้ก็ต้องร้องไห้ทุกข์ทรมานต่อไป พระองค์ทรงสอนให้ทำบุญแล้วต้องอุทิศให้แก่เขาเหล่านั้นด้วย เมื่อเขาถึงความสุขแล้ว ก็ย่อมดูแลช่วยเหลือให้ผู้นั้นถึงความเจริญ
                    จากการเวียนว่ายตายเกิดหลายภพชาติ เราอาจเป็นญาติเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขาที่ทำบุญอยู่ในโลกนี้ เหมือนบ่อน้ำแห่งเดียวในทะเลทรายอันกว้างไกล เหมือนแสงไฟดวงเดียวในคืนอันมืดมิด ในครั้งพุทธกาลเหล่าเปรตญาติต่างก็เฝ้าคอยการเกิดขึ้นและ ทำบุญอุทิศให้แก่พวกตนของพระเจ้าพิมพิสาร ราชาแห่งแคว้นมคธ ต่างต้องทนทุกข์อดอยากทรมานมาหลายแสนปี เพื่อรอผลบุญในวันนี้ เมื่อพระเจ้าพิมพิสารได้ทำบุญแต่ลืมอุทิศผลบุญให้กับเปรตเหล่านั้น เขาทั้งหลายก็น้อยเนื้อต่ำใจโกรธเคือง จึงรุกเข้าหลอกหลอนพระราชาในห้องพระบรรทม
                    พระบรมศาสดา จึงทรงตรัสให้พระเจ้าพิมพิสาร ทำบุญแล้วอุทิศให้เปรตเหล่านั้น เมื่อพระราชาได้ทำบุญในเช้านั้น ก็อุทิศในทันทีว่า ขอทานนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ทันใดนั้น เสื้อผ้า อาหารยานพาหนะ อันเป็นทิพย์ได้เกิดแก่เปรตเหล่านั้น เปรตนั้นได้พ้นจากภูมิเปรต กลายเป็นเทวดาแล้ว ก็ลาไปสู่วิมานแห่งตน
                    จากเรื่องนี้ เป็นข้อบ่งชี้ว่า คนๆหนึ่งนั้น มีญาติอยู่มากมาย ทั้งที่ผ่านมาแล้วในอดีตทั้งที่รู้จักกันอยู่ในปัจจุบัน เฉพาะในปัจจุบัน เครือญาติของคนผู้หนึ่งๆ นั้นก็นับกันไม่ถ้วน รู้จักกันไม่ครบ ต้องสืบตามถามไถ่จึงจะรู้จักกันก็มี ล้มตายไปก่อนหน้านี้ก็มี จึงไม่สามารถนับได้ว่ามีมากเท่าไร แม้พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสว่า บุคคลที่เกิดมานั้นต่างได้เคยรู้จักเกี่ยวข้องกันมาแล้วทั้งสิ้น ที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกันมานั้นไม่มี
                    ดังนั้นการมาเกาะเกี่ยวขอส่วนบุญของฝูงเปรต ฝูงผี จึงมีอยู่เป็นธรรมดาของผู้ทำบุญ เมื่อเรารู้เข้าใจอย่างนี้แล้ว ก็จงอุทิศส่วนบุญ ปลดเปลื้องความทุกข์ ความทรมานของพวกเขาด้วย อันจะเป็นบุญมหาศาลเลยทีเดียว ลองคิดดูเถิดว่าคนที่ชอบทำบุญและมีโอกาสได้ทำนั้น ทั้งโลกมีน้อยนิดเพียงใด และผู้ที่จะเชื่อเรื่องนี้แล้วอุทิศบุญให้เขานั้น จะมีน้อยขนาดไหน.? นี้จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่คนใจบุญชอบประสบ เรื่องราวหรือความวุ่นวาย ความเจ็บป่วยแปลกๆ ซึ่งหากเราได้อุทิศให้เขาเหล่านั้นเป็นประจำแล้ว สิ่งเลวร้ายทั้งหลายก็จะหมดไป สิ่งดีงาม น่าชื่นใจ จะตามมา เพราะพระพุทธองค์ได้ทรงตรัสบอกเป็นสิทธิ์ขาดไว้แล้วว่า เมื่อคนทั้งหลายทำบุญแล้วอุทิศให้เทวดา ขอเทวดาทั้งหลายจงรักษามนุษย์นั้น เหมือนมารดาเลี้ยงดูลูกน้อยเถิด คนผู้เทวดารักษาแล้วย่อมเจริญทุกเมื่อ
 
๔. การทำบุญให้ถูกบุญ
                    เมื่อคนเราทำบุญนั้น กระแสบุญจะเกิดขึ้นสมบูรณ์ เต็มที่ในขณะให้วัตถุทานนั้นเสร็จ (ทันทีที่ปล่อยมือจากของทานนั้น) กระแสบุญจะสว่างวาบขึ้นชั่วขณะหนึ่ง เหมือนแสงแฟลชถ่ายรูป จากนั้นกระแสบุญก็จะไปรวมกับกองบุญกองกุศลบนสวรรค์ รอเราตายแล้วจึงจะได้ไปเสวยบุญนั้น ดังเรื่องพระโมคคัลลานะไปเที่ยวตรวจดูบนสวรรค์ได้ไปพบวิมานสวยงามอยู่มากมาย แต่ไม่มีเจ้าของ มีแต่เหล่านางฟ้าบริวารดูแลอยู่ในวิมานนั้น ท่านสอบถามได้ความว่าเจ้าของวิมานนี้ ยังมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ รอเมื่อสิ้นชีพแล้ว จะได้มาเกิดอยู่ในวิมานนี้ ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงตรัสรับรองตามที่พระโมคคัลลานะได้เห็นมา
                    ดังนั้น เมื่อเราทำบุญแล้ว หากไม่ได้อุทิศบุญในขณะกระแสบุญสมบูรณ์แล้ว บุญก็จะเดินทางไปรวมอยู่ในสวรรค์ รอคอยเราอยู่ที่นั้น แต่หากผู้สร้างบุญต้องการให้ผลบุญที่ตนทำแล้วนั้น ให้ผลในปัจจุบันทันตาในชาตินี้แล้ว ก็ควรทำการอุทิศบุญ (จ่ายบุญหรือโอนบุญแก่ผู้อื่นก็เรียก) ในทันทีที่เราทำบุญเสร็จ ไม่ต้องรอกรวดน้ำหรือรับพรจากพระ ให้อุทิศบุญในวินาทีนั้นว่า “ ขอบุญนี้จงถึงแก่.. เช่น ต้องการอุทิศให้แก่พ่อผู้ล่วงลับไปแล้ว ก็พึงอุทิศว่า “ขอบุญนี้จงถึงแก่ (นาย) คุณพ่อของข้าพเจ้าเถิด” ดังนี้ทุกครั้งที่ยกของถวายพระหรือแจกสิ่งของแก่ผู้อื่น จากนั้น พึงบอกไปในกระแสจิตกระแสบุญนั้นว่า ขอให้บุญนี้จงบังเกิดเป็นเสื้อผ้า อาหาร ยานพาหนะ ที่อยู่อาศัยและอำนาจทิพย์แก่พ่อข้าพเจ้าเถิด เป็นลักษณะบอกให้รับเอาส่วนบุญ แล้วใช้บุญนั้นอธิษฐานสิ่งของต่างๆ เอาตามต้องการ เหมือนให้เงินพ่อไป ๑ แสน แล้วแต่พ่อจะซื้อ จะใช้ตามอัธยาศัย
                    การถวายของแต่ละอย่างแก่พระสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นการใส่บาตรหรือไปประเคนของที่วัด หรือการให้ทานสิ่งของอันใดแก่คนและสัตว์ก็ตามย่อมเกิดกระแสบุญ ที่สามารถอุทิศบุญหรือโอนบุญให้แก่จิตวิญญาณชั้นต่างๆ ได้เสมอเหมือนกัน ถึงแม้ผลบุญจะมากน้อยต่างกันก็ตาม
                    เมื่อเราอุทิศให้ กลุ่มเป็นเปรตญาติของเรา ที่วนเวียนอยู่รอบตัวเรา เพื่อขอส่วนบุญ ก็จะได้รับผลบุญ พ้นจากสภาพที่ทุกข์ทรมานไปโดยลำดับ จนพ้นจากเปรต กลายสภาพเป็นเทวดาในที่สุด
                    กลุ่มที่เป็นเจ้ากรรมนายเวร ที่คอยเบียดเบียน ก่อความเดือดร้อนให้เรา หรือเป็นเชื้อโรคต่างๆ เกาะกินอยู่ในร่างกายส่วนต่างๆของเรา ก็จะอโหสิกรรมแล้วถอยออกจากร่างกายเรา พร้อมกันนั้น พวกเขาก็จะเปลี่ยนสภาพจากวิญญาณชั้นต่ำ ไปสู่วิญญาณขั้นสูง พ้นทุกข์ทรมานไป
                    กลุ่มที่เป็นเทวดารักษาตัวเรา หรือภูต ผี ปีศาจ ฝ่ายดีที่คอยคุ้มครองเรา ก็จะเกิดอำนาจทิพย์ สมบัติทิพย์ เพิ่มขึ้น มีบริวารมากขึ้น การดูแลคุ้มครองช่วยเหลือเราก็จะสามารถทำได้มาก ง่าย สะดวกกว่าแต่ก่อน
                    เมื่อเป็นดังนี้แล้ว วิถีชีวิตของผู้นั้น ก็จะมีแต่ความสุขกาย สุขใจ รู้สึกเบาเนื้อเบาตัว ความคิดอ่านหรือทำการงานก็จะรู้สึกคล่องตัวขึ้นกว่าเก่า อุปสรรคในชีวิตและโรคภัยไข้เจ็บจะลดลง ทำมาค้าขึ้น อาชีพการงานเจริญก้าวหน้า จิตใจสงบเยือกเย็นเป็นอันมาก เมื่อทำคุณถูกบุญแล้วอย่างนี้ ก็จะได้มีกำลังใจในการทำงาน และสร้างความดีสืบไป
 
๕. การน้อมบุญมาใช้ในชีวิตประจำวัน
                    หลักการทำบุญนั้นมี ๓ ประการคือ ๑. ก่อนให้ จิตเลื่อมใสจดจ่อในทานของตน ๒. ขณะให้ จิตก็เลื่อมใสจดจ่อในการให้ของตน ๓. หลังให้ จิตก็เลื่อมใสปลื้มใจในการให้ของตน เวลาทำบุญหรือให้ทานบริจาคสิ่งของใดๆ ขอจงตั้งจิตเลื่อมใส สดชื่น จดจ่อในการให้ของตนอย่างนี้เอาไว้เสมอ ผลบุญใหญ่ อานิสงส์ ใหญ่จะเกิดขึ้นแก่เรา ถ้าเป็นการค้าการลงทุน ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ กิจการเจริญ กำไรมหาศาล ถ้าสักแต่ว่าให้ๆ ทำๆ ตามประเพณีที่เคยชินแล้ว ก็จะกำไรน้อยหรือขาดทุนได้
                    และในขณะจิตที่ ๓ นี่เอง กระแสบุญจะสว่างวาบเต็มที่ เพราะขณะที่ปล่อยวางมือจากของทานนั้น จิตเรายังนิ่ง ยังซาบซึ้ง ปลื้มใจ ไม่มีความคิดส่ายแส่อื่นเกิดขึ้น จึงเป็นพลังบุญที่สมบูรณ์เต็มที่ เมื่อส่งบุญนั้นให้แก่จิตวิญญาณใด ย่อมเกิดกระแสบุญวาบขึ้นในจิตวิญญาณนั้น เมื่อเขาอนุโมทนารับเอาแล้วย่อมเกิดเป็นเสื้อผ้า อาหาร ยาพาหนะ ที่อยู่อาศัย อันเป็นทิพย์ ให้เขาได้บริโภคใช้สอย อุปมาเหมือนเราให้เงินและสิ่งของถุงยังชีพ แก่ผู้ประสบภัย เมื่อรับ เขาย่อมปลื้มใจ เมื่อได้มาแกะออก พบเสื้อผ้า อาหาร ของใช้สอย เขาก็ยิ่งดีใจ รีบกินอาหารและใช้สอยสิ่งของนั้นๆ พ้นจากความเดือดร้อนไปได้ ถ้าให้น้อยก็พอยังชีพไปได้ ถ้าให้บ่อยๆ ก็อยู่สุขสบาย มีข้าวกิน มีของใช้ มีเงินใช้จ่าย ในสิ่งที่จำเป็น ไม่ต้องไปนอนกลางดิน กินกลางทราย ตากแดด กรำฝนเหมือน ที่แล้วมา
                    บุญที่เราอุทิศให้เขาก็ฉันนั้น เมื่อเขาได้รับแล้ว ย่อมเกิดเป็นสมบัติทิพย์ตามที่เขาต้องการ เพราะในโลกวิญญาณนั้น ไม่มีการงานที่เลี้ยงชีพ  อยู่ได้ด้วยบุญที่มนุษย์ทำอุทิศให้เท่านั้น เหมือนสัตว์เลี้ยงในกรง ในตู้ ต้องอยู่ในสภาพจำยอม เลี้ยงตัวเองหากินเองไม่ได้ แล้วแต่คนเขาจะให้อาหาร
                    ดังนั้นเมื่อทำบุญทานการกุศลแล้ว จึงควรได้จ่ายบุญให้แก่ผู้อยู่ในโลกวิญญาณเหล่านี้ทันทีว่า
                    ๑. บุญนี้จงถึงแก่เจ้ากรรมนายเวรที่มาถึงข้าพเจ้า (เอาเฉพาะที่มาถึงเท่านั้น ที่ยังไม่มาก็ไม่ต้องให้)
                    ๒. บุญนี้จงถึงแก่เทวดาที่รักษาตัวข้าพเจ้า
                    ๓. บุญนี้จงถึงแก่เทวดาที่รักษาบ้านเรือนข้าพเจ้า
                    ๔. บุญนี้จงถึงแก่ ยักษ์ นาค ครุฑ คนธรรพ์ ที่อาศัยอยู่บริเวณบ้านเรือน ข้าพเจ้า
                    ๕. บุญนี้จงถึงแก่เทวดาที่รักษาอาชีพข้าพเจ้า
                    ๖. บุญนี้จงถึงแก่เทวดาที่รักษาทรัพย์ข้าพเจ้า
                    ๗. บุญนี้จงถึงแก่เหล่าเปรต ผี ปีศาจ ที่อาศัยอยู่ ณ ที่นี้ (จะเป็นที่บ้าน ที่พัก ที่ทำงาน รถ เรือ ก็อุทิศได้เสมอ)
                    หากได้ทำเป็นประจำแล้วก็จะรู้สึกในตัวเองได้ว่า หลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นอุปสรรคในชีวิตในหน้าที่การงานก็ดี โรคภัยไข้เจ็บก็ดี จะได้รับการคลี่คลายแก้ไข สิ่งใหม่ๆ ดีๆ จะเริ่มเข้ามาสู่ชีวิต ความรู้สึกแปลกใหม่ ความรู้สึกเป็นผู้ใหญ่ สุขุมรอบคอบ จะเกิดแก่ผู้นั้น
 
๖. การทำบุญสำหรับผู้ป่วย
                    นอกจากการทำบุญอุทิศให้กับเหล่าจิตวิญญาณดังที่กล่าวมาแล้ว สำหรับผู้ที่เจ็บป่วย เรื้อรัง หรือพึ่งเจ็บป่วย หรือเพียงรู้สึกเกิดอาการผิดปกติขึ้นในร่างกาย เช่น หูอื้อ ตาลาย เจ็บปวดหรือชักกระตุก ก็ควรทำบุญอุทิศให้กับนายเวรที่มาถึงตัว หรือให้กับนายเวรที่เป็นเชื้อโรค เกาะกินอยู่ในร่างกายส่วนต่างๆ รู้ชื่อโรคก็ตามไม่รู้ก็ตาม ทำให้บ่อยๆ อาการก็จะค่อยดีขึ้น ด้วยการอุทิศบุญในขณะให้ทานว่า “ขอบุญนี้จงถึงแก่ นายเวร (เชื้อโรค) ที่เกาะกินอยู่ในร่างกายข้าพเจ้า” จะระบุอวัยวะเป็นส่วนๆ หรือถ้ารู้จักชื่อโรค ก็ระบุชื่อเชื้อโรค ในระบบนั้นๆ ได้เลย เช่น โรคหัวใจ ก็ระบุว่า  “ขอบุญนี้จงถึงแก่นายเวรที่เกาะกินอยู่ในหัวใจของข้าพเจ้า”  ถ้าเป็นมะเร็งในตับ ก็ระบุว่า  “ขอบุญนี้จงถึงแก่เชื้อมะเร็งในตับของข้าพเจ้า” หรือที่เกาะกินอยู่ในตับของข้าพเจ้าก็ได้ เมื่อจิตวิญญาณนั้นได้รับบุญแล้วจะค่อยๆ ถอยออกไป บางพวกเปลี่ยนภพภูมิไปเกิด ถ้าเชื้อโรคมีมากเช่น เชื้อมะเร็งก็ต้องทำบ่อยๆ เพื่อให้เชื้อที่ตายแล้วได้รับบุญ จะได้ไปเกิดในภูมิอื่น เชื้อเก่าตายไปเชื้อใหม่ไม่เกิด อาการจะค่อยเบาลง กินอาหาร กินยา และออกกำลังกายช่วยไปด้วย อาจใช้เวลาศึกษาน้อยมากต่างกันไปในแต่ละราย
                    อีกด้านหนึ่ง เราควรจ่ายบุญให้กับเทวดารักษาตัวเรา ควบคู่กันไปด้วย ขอให้เขาส่งพลังทิพย์มาบำรุงกำลังให้ ขอให้เขาขับไล่เชื้อโรค และหาเอายาทิพย์โอสถมาแทรกเข้าร่างกายเราเพื่อรักษาแผล เสริมสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ ที่เชื้อโรคกัดกินทำลาย อาการก็จะดีขึ้นโดยเร็ว ยกเว้นแต่อายุขัยวัยสมควร หรือธาตุขันธ์หมดสภาพที่จะเยียวยา นั่นก็ต้องว่ากันไปตามกฎ อนิจจัง !
                    สำหรับผู้ที่มีญาติมิตรเจ็บป่วยไข้ เรามีจิตกุศลจะอนุเคราะห์ช่วยเหลือ ก็สามารถทำได้ด้วยวิธีเดียวกันคือ ทำบุญแล้วอุทิศให้ผู้ป่วยนั้น บอกให้ตัวผู้ป่วยอุทิศด้วย ให้ญาติพี่น้อง ลูกหลาน ของผู้ป่วย อุทิศให้ด้วย ถ้าไม่ใช่สิ้นอายุขัยแล้ว อาการก็จะดีขึ้นตามลำดับ
                    เมื่ออุทิศอยู่อย่างนี้ นายเวรที่รับบุญแล้ว จะถอยออกไปจากร่างกายผู้นั้น เทวดาที่ดูแลรักษาก็จะทำงานได้สะดวกขึ้น ร่างกายจิตใจจะรู้สึกสดชื่นขึ้น ภูมิต้านทานโรคของร่างกายจะแข็งแรงขึ้น แม้การปฏิบัติธรรมภาวนา สมาธิ ก็จะง่าย เบาและคล่องตัวขึ้น
                    การรักษาด้วยวิธีนี้ จะเป็นการรักษาทุกระบบ ครบวงจรของชีวิตเป็นการรักษาแบบธรรมชาติที่ยั่งยืน มีผลทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สิ่งแวดล้อม และธรรมะ อีกทั้งได้สร้างบุญใหญ่ด้วยการให้ปลดปล่อย ช่วยเหลือวิญญาณบาปที่ทุกข์ทรมาน ให้ได้ไปสู่สุคติตามชั้นภูมิ บุญกุศลของตนอีกด้วย เมื่อเขาหมดเวรหมดทุกข์ พวกเขาก็จะคอยติดตามคุ้มครองรักษาเราให้อยู่รอดปลอดภัย มีความสุข ความรุ่งเรืองในชีวิต จึงเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่พวกเราเหล่ามนุษย์จะได้ทำบุญกุศล แล้วอุทิศให้เขาเหล่านั้น ซึ่งสามารถทำได้ทุกที่ทกเวลา แม้เพียงการทำความดีที่เราเห็นว่านิดหน่อย เช่น ตักน้ำให้คนกิน ให้ขนมเด็ก แจกผลไม้ ช่วยถือของหิ้วของ กราบไหว้พระ กวาดวัด กวาดบ้าน ให้อาหารสัตว์ ยกมือไหว้คารวะพ่อ แม่ ผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นต้น เหล่านี้จัดเป็นบ่อเกิดแห่งบุญ ที่เราสามารถจ่ายบุญอุทิศให้จิตวิญญาณในโลกทิพย์ได้ทั้งสิ้น
 
๗. ความเป็นมาของเชื้อโรค
                    เมื่อพูดถึงว่าเชื้อโรคเป็นนายเวร เชื้อโรคเป็นวิญญาณอาฆาต เชื้อโรคเป็นสัตว์ครึ่งผีชนิดหนึ่ง หลายคนอาจสงสัย หลายคนก็หัวเราะหาว่าเวอร์เกินไป แต่อย่างไรก็ตามความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ ขอเราสงบใจใคร่ครวญดูสักหน่อย ก็จะเข้าใจได้ และสามารถนำมาใช้ให้เกิดผลดีแก่ตัวเรา และเหล่าจิตวิญญาณนั้นได้อย่างมหาศาล
                    ในหลักพระพุทธธรรมคำสอน พระบรมศาสดาได้ทรงตรัสถึงกำเนิด สัตว์ในโลกพิภพนี้ว่ามี ๔ จำพวก คือ
                    ๑. สัตว์ที่เกิดในครรภ์ เช่น คน ช้าง ม้า วัว ควาย ลิง สุนัข แมว เป็นต้น
                    ๒. สัตว์ที่เกิดในไข่ เช่น เป็ด ไก่ นก ปลา งู เต่า เป็นต้น
                    ๓. สัตว์ที่เกิดในเถ้าไคล คือที่มืดที่หมักหมม ที่สกปรก เช่น ไวรัส เชื้อโรคต่างๆ หรือ แมลงบางชนิด
                    ๔. สัตว์ที่เกิดผุดขึ้นเอง ด้วยอำนาจบุญกรรม ไม่มีพ่อแม่ ไม่ต้อง เลี้ยงดู เกิดขึ้นก็เป็นสภาพอย่างนั้นเลย เช่น เทวดา พรหม เปรต สัตว์อยู่ในนรก เป็นต้น
                    เชื้อโรคที่มาเกาะกินอยู่ในร่างกายคนเราก็คือ วิญญาณสัตว์ที่เกิดในเถ้าไคล หนึ่งในสี่จำพวกนั้น คิดดูเถิดว่าในร่างกายของเรานั้น มืดทึบ สกปรก เหม็นเนาขนาดไหน แต่ภายนอกร่างกายก็ต้อง ชำระล้าง ขัดสี สิ่งสกปรกต่างๆ ทั่วร่างกายอยู่เสมอทุกวัน เพื่อรักษาสุขภาพอนามัยและเข้าใกล้คนอื่นได้ ขนาดนั้นยังเกิดมีโรคภัยไข้เจ็บรบกวน หากไม่ใส่ใจดูแลแล้วจะเป็นอย่างไร? แล้วภายในร่างกายอันมีระบบโครงสร้างซับซ้อนนั้น จะสกปรกขนาดไหน จะเปราะบางต่อการเข้าทำลายของเชื้อโรคเพียงใด?
                    ด้วยสภาพเช่นนี้ เมื่อร่างกายเป็นบาดแผล หรืออ่อนแอลง ก็จะเกิดติดเชื้อโรคชนิดต่างๆ ขึ้น ทั้งภายนอกและภายในร่างกาย อุปมาเหมือนประเทศที่การเมือง การทหาร อ่อนแอ แตกแยกสามัคคี ข้าศึกศัตรูก็แทรกซึมและทำลายได้โดยง่าย
                    ผู้มีจิตผูกเวรกันก็อย่างนั้น ดวงจิตของเขาพกพาความแค้น ความพยาบาท มาช้านาน บางดวงก็หลายภพ หลายชาติ ต่างก็มุ่งมารุมล้อมตัวเราไว้ เพื่อทวงหนี้แค้นคืน เหมือนคนเราปกตินั่นแหละ เมื่อโกรธเคืองทะเลาะกัน ก็อยากระบายโทสะนั้นออกมาให้หายคับแค้น ให้สะใจ จึงต้องแผดเสียงด่าทอให้เจ็บแสบ เข้าทุบตีกัน หรือทำอะไรไม่ได้ก็อาละวาด ขว้างปาข้าวของ ไม่มีสติยับยั้งว่าจะเสียหายอย่างไร ขอได้ตอบโต้ให้สะใจเป็นพอ ขนาดมนุษย์ผู้ถือว่าประเสริฐ มีสติปัญญา มีสมอง มีการศึกษาอบรม ยังทำได้ถึงเพียงนี้ แล้วจิตวิญญาณอาฆาตนั้นอยู่ภูมิต่ำ ไม่มีสมอง ไม่มีการศึกษาอบรม ไม่มีขนบธรรมเนียมที่ต้องรักษาหน้าตาในสังคม ขอเพียงล้างแค้นได้เป็นพอ เขาจึงไม่สนว่าผู้นั้นจะเป็นใคร ปุถุชน คนหนา สาธุชน หรือพระอริยะเจ้า หากมีเวรกรรมกันมาก็จะหาช่องเข้าทำลาย ทุก รูปแบบ                   
                    จิตสัตว์เล็กๆ นี้จะแทรกซึมเข้าสู่ระบบต่างๆ ของร่างกาย แล้วเกาะกินเลือดเนื้อน้ำเหลือง หรือเข้าอุดตันในระบบต่อมท่อ ที่สำคัญของร่างกาย ทำให้เลือดลม น้ำเหลือง ไขมันติดขัดไม่สะดวก ทำให้มีอาการเจ็บปวดทรมาน หรือมีภาวะแทรกซ้อนเกิดเป็นโรคขึ้น เมื่อระบบเอื้ออำนวย เชื้อโรคอื่นก็เข้าแทรก ทำให้ป่วยหนักขึ้น เป็นหลายโรคขึ้น แม้เจ้ากรรมนายเวรขั้นหยาบๆ เช่น เปรต ผี ก็อาจเข้ารบกวนภายนอก เช่น เกิดอุบัติเหตุ ติดขัดทางอาชีพการงาน เกิดวุ่นวายในครอบครัว หมู่ญาติ เป็นต้น
                    เชื้อโรคนี้จะเวียนตาย เวียนเกิดอยู่ในร่างกาย เพราะแรงแค้นบวกบาปกรรมของตนที่เคยทำมา จิตจึงมืดมนไม่รู้ทางไป ต้องวนเวียนอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะหมดเวรต่อกัน หรือหมดกรรมของตน ดังนั้นเมื่อเราทำบุญแล้วโอนบุญนั้นให้เขา  เขาก็จะสบายขึ้น หายอาฆาตพยาบาท เปลี่ยนแปร สภาพแล้วค่อยทยอยออกไปจากร่างกายเรา เชื้อโรคจะน้อยลงเรื่อยๆ จนหมดไป อาการเจ็บป่วยก็จะหายหรือทุเลาเบาบางไป พอได้มีกำลังทำงานประกอบอาชีพ ต่อไป ได้
                    แต่ในที่นี้ต้องเข้าใจหลักธรรมชาติของร่างกายเอาไว้ด้วยว่า มีธรรมดาของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีสภาพทรุดโทรมไปตามอายุขัยวัยเวลาและสาเหตุของการเกิดโรคก็ไม่ใช่มีอย่างเดียว ในหลักธรรมกล่าวว่าสาเหตุของการเจ็บป่วยมี ๔ ประการ คือ
                    ๑. เพราะอาหารการบริโภคที่เราดื่มกินอยู่ประจำที่อาจแสลงโรคทำลายสุขภาพ หรือได้รับสารอาหารมากหรือน้อยกว่าความจำเป็นของร่างกาย
                    ๒. อากาศหรือสภาพสิ่งแวดล้อม พวกฝุ่นละออง สารพิษ มลภาวะ อากาศตามฤดูกาล สุขภาพอนามัยของร่างกาย ของที่อยู่อาศัย หรือแม้แต่สภาพของจิตใจ
                    ๓. กรรมคือผลของบาปกรรมที่ตามมาสนอง เช่นประเด็นของเชื้อโรค และเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังพูดถึงนี้ อีกอย่างคือโรคติดต่อทางกรรมพันธุ์ชนิดถาวร ที่ยากต่อการแก้ไขด้วยวิธีนี้ อาจต้องอาศัยวิทยาการของแพทย์เข้าช่วย เช่น การผ่าตัด การทำศัลยกรรม เป็นต้น
                    ๔. เพราะความเพียรกล้า คือหักโหมเกินกำลัง เรียกว่าโรคของคนขยัน ทำงาน หรือกิน เที่ยว เล่น จนไม่มีเวลาพักผ่อน ยกของหนักเกินกำลังใช้สมองมากเกินไป เหล่านี้ก็เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ในร่างและจิตใจได้เช่นกัน
 
๘. ความเป็นมาของเทวดารักษาตัว
                    ในดวงจิตชีวิตของคนหนึ่งๆ ต่างเวียนวนไปเกิดตายในภพภูมิ ในสถานที่ต่างๆ ในฐานะ อาชีพ ที่แตกต่างตามบุญกรรมของตน ในห้วงเวลาเหล่านี้ ผู้ที่เคยทำลายเบียดเบียนกันมาก็ได้มาเป็นเจ้ากรรมนายเวรติดตามจองล้างจองผลาญทำความเสียหายให้แก่กัน ซึ่งถ้าไม่ตกลงสันติไมตรีกันแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็จะแก้ลำกันคืน ผูกเวรกันไปไม่สิ้นสุด พระพุทธองค์จงทรงตรัสว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร พร้อมกับทรงสอนให้ระมัดระวังตัว ไม่ประมาทเลินเล่อไปก่อเวรกับผู้ใดเข้าไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ใดๆก็ตาม ด้วยการให้หมั่นทำทาน รักษาศีล มีจิตเมตตาและเจริญสมาธิภาวนาเพื่อรักษาใจ
                    สำหรับผู้ที่ได้เคยช่วยเหลือ เกื้อกูลกันมา ก็จะได้มาเกี่ยวข้องกันส่วนหนึ่งด้วยกรรมผูกพันกัน ก็จะมาคอยติดตามรักษา จึงเป็นเทวดาที่คอยติดตามศึกษาผู้นั้นอยู่ ที่เป็นมนุษย์ก็จะอุปการะช่วยเหลือกัน เป็น พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา ญาติมิตรกัน หรือผู้อุปถัมภ์ค้ำจุนกัน
                    อาจมีหลายคนบ่นว่า ถ้าจริง ! เทวดามัวทำอะไรอยู่ ไม่เห็นมาช่วยเหลืออะไร ! ที่จริงเทวดาเขาช่วยแต่เราไม่ค่อยรู้สึก เพราะสามัญมนุษย์เราชอบมากๆ (โลภ) เร็วๆ ยิ่งได้ยินว่าเทวดาบันดาลด้วยแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ ขอและหวังจนเกินกำลังฤทธิ์ของเทวดา เกินบุญวาสนาบารมีของตนเอง คุณไม่ทำ วัดไม่เข้า พระสงฆ์องค์เจ้าไม่น้อมนบกราบไหว้ แต่ขอจนเกิน วิสัยที่จะเป็นไปได้ เมื่อไม่ได้เลยกล่าวหาผี สาง เทวดา แม้แต่บุญทานการกุศลไปต่างๆนาๆ หมดศรัทธาหันหน้าไปทางอบายเลยก็มี…
                    มีวิธีใช้เทวดาทำงานช่วยเรา ด้วยการจ้างเทวดาให้ช่วยงานเราแต่ต้องอยู่ในวิสัยที่ควรมีควรเป็นเท่านั้น ไม่ใช่ขอจนมากมายหรือเกินวิสัยธรรมชาติ โดยเราทำบุญให้ทานแล้วอุทิศบุญให้กับเทวดาที่รักษาตัว เมื่อขารับเอาบุญนั้นแล้ว จะเกิดเป็นของทิพย์แก่เทวดานั้นดามปรารถนา บุญนั้นจะไปเพิ่มอำนาจทิพย์ ทำให้สามารถใช้อำนาจนั้นเข้าคุ้มครองช่วยเหลือเราได้ ท่านจะเชื่อเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม ! แต่ลองทำดูก่อนเถิด จะได้รู้ด้วยตัวท่านเอง
                    ถามว่า เมื่อส่งบุญให้นายเวรของผู้อื่นได้ ! จะอุทิศให้เทวดารักษาตัวของผู้อื่นได้หรือไม่ ? ขอตอบว่าได้ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นบิดา มารดา สามีภรรยา บุตร หลาน ญาติมิตร หรือกับผู้ที่เราต้องการช่วยเหลือ ผลจะเกิดขึ้นกับเทวดาของผู้นั้นได้เช่นเดียวกัน พร้อมกับการส่งบุญเราก็ฝากงานให้เทวดานั้น ช่วยดูแลรักษา หรือให้ช่วยส่งพลังทิพย์เข้าสู่กระแสจิตของผู้นั้นให้เกิดสติฉุกคิด กลับเนื้อ กลับตัวมาอยู่ในแนวทางของคุณงามความดี ทำเช่นนี้บ่อยๆ จะหายสงสัย ! พร้อมทั้งเกิดทักษะในการใช้งานเทวดา
 
๙. การเบิกบุญจากสวรรค์มาใช้ในปัจจุบัน
                    ดังที่พูดมาแล้วว่า บุญที่เราทำแล้วถ้าไม่รีบจ่ายส่งบุญให้จิตวิญญาณใดแล้ว บุญนั้นจะไปรวมอยู่ที่คลังหรือธนาคารบุญประจำตัวบนสวรรค์ รอสิ้นชีวิตแล้วค่อยไปเสวยผลบุญนั้น แล้วถ้าเราจำเป็นอยากเบิกบุญนั้นมาใช้ในปัจจุบันวันนี้ จะทำได้หรือไม่ ? ถ้าได้จะต้องทำอย่างไรบ้าง ?
                    ในเรื่องนี้ครูบาอาจารย์ผู้ทรงความรู้ คือหลวงพ่อเกษม อาจิณฺณสีโล วัดสามแยก อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ท่านได้สอนวิธีทำไว้ดังนี้ อันดับแรกให้น้อมจิตระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย เพื่อขออำนาจอานุภาพของพระรัตนตรัย มาเป็นใบเบิกบุญของเราบนสวรรค์ เพื่อโอนจ่ายไปให้แก่ผู้ที่เราต้องการ ด้วยการระลึกในใจว่า “ขออำนาจของคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้วในทาน ศีล ภาวนา ให้มาถึงแก่….”
     (เที่ยวที่) ๑. เจ้ากรรมนายเวรที่มาถึงตัวข้าพเจ้า
                    ๒. เทวดาที่รักษาตัวข้าพเจ้า
                    ๓. เทวดาที่รักษาบ้านเรือนของข้าพเจ้า
                    ๔. ยักษ์ นาค ครุฑ คนธรรพ์ ที่อยู่ ณ ที่นี้
                    ๕. เปรต ผี ปีศาจ ที่อยู่ ณ ที่นี้
                    ๖. เทวดาที่รักษาอาชีพของข้าพเจ้า
                    ๗. เทวดาที่รักษาทรัพย์ของข้าพเจ้า
                    ถ้าจะใช้บุญรักษาโรค อาการเจ็บป่วย ก็ใช้ว่า “ให้มาถึงแม้นายเวรที่เกาะกินอยู่ในตัวข้าพเจ้า…”
                    ขออำนาจของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทุกครั้ง ทุกรอบ ที่โอนจ่ายบุญ และก็เช่นเดียวกันการทำบุญอุทิศ คือเน้นโอนจ่ายบุญให้เจ้ากรรมนายเวรที่มาถึงตัว กับเทวดาที่รักษาตัวเป็นหลัก อีก ๕ กลุ่มนั้นโอนจ่ายวันละ ๒-๓ เที่ยวก็พอ นอกเสียจากต้องการโอนจ่ายให้กลุ่มใดเป็นพิเศษ ก็สามารถทำได้เรื่อยๆ
                    สามารถใช้วิธีนี้โอนจ่ายบุญบ่อยๆ ซึ่งสามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลาแล้วจะรู้สึกดีขึ้น สิ่งเป็นอุปสรรค ขัดข้องในชีวิตจะค่อยๆบรรเทาไป สิ่งดีๆจะเข้ามาในวิถีชีวิต จะเห็นคุณค่าของบุญกุศลด้วยตัวเอง และไม่ต้องกลัวว่าเบิกบุญมาใช้บ่อยๆแล้วบุญจะหมด อย่าวิตกคิดมากไปเลย เพราะแต่ละคนได้สั่งสมบุญกุศลมาหลายภพหลายชาติ เบิกมาใช้แค่นี้หมดไม่เท่าไรหรอก…
                    หากจะโอนบุญจ่ายไปเพื่ออนุเคราะห์ช่วยเหลือผู้อื่นและบ้านเรือนกิจการของผู้อื่นก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่เปลี่ยนจากตัวเราเป็นชื่อผู้นั้น หรือบ้านเรือน กิจการอาชีพ โรคภัย อาการเจ็บป่วยของผู้นั้น
                    การขออำนาจพระรัตนตรัย โอนจ่ายบุญเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยนั้น ควรทำอย่างต่อเนื่องเป็นระยะในแต่ละวัน และแต่ละครั้งควรโอนบุญจ่ายสลับกัน ระหว่าง นายเวรที่ทำให้เจ็บป่วยกับเทวดารักษาตัว สลับกันอย่างละ ๕-๑๐ นาที นาทีละ ๓-๔ เที่ยว
โพสท์ใน หนังสือธรรมะ | ใส่ความเห็น